นายแบงก์คาดระบบ ANY ID จะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า เบื้องต้น เป็นการปรับลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกิจการเงินผ่านระบบโมบาย แบงกิ้ง ยืนยันอัตรา ดบ.ของไทยจะยังไม่ถึงขั้นต้องติดลบเหมือนกับต่างประเทศ มั่นใจ กนง.คง ดบ.นโยบายหากเฟดขึ้น ดบ.ในปีนี้ ส่งผลให้ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อของระบบแบงก์ตลอดปีนี้ขยายตัวที่ระดับ 5-6% จากครึ่งปีแรกขยายตัวเพียง 3% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนจะดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยความคืบหน้าการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมธนาคารพาณิชย์ เพื่อรองรับระบบ ANY ID โดยระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือของสมาคมธนาคารไทย และธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า เบื้องต้น เป็นการปรับลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกิจการเงินผ่านระบบโมบาย แบงกิ้ง
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาส 2 จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องร้อยละ 3.2 จากการลงทุนของภาครัฐ และการท่องเที่ยว และคาดว่าตลอดปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3.0-3.5 แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การส่งออกต่อไป โดยเฉพาะปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศ เพื่อประเมิน และคาดการณ์จีดีพีประเทศ และการส่งออกอีกครั้ง
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนภาพรวมประเมินว่า จะกลับมาลงทุนในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เพราะอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเหมาะต่อการลงทุน เชื่อว่าเมื่อภาครัฐเดินหน้าลงทุนไปแล้ว ภาคเอกชนจะลงทุนตาม ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำจะเอื้อต่อการลงทุน และไม่กระทบเงินฝากของระบบธนาคารพาณิชย์ เพราะการที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงถือเป็นกลไกการบริหารสภาพของคล่องของแต่ละธนาคาร
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า อัตราดอกเบี้ยของไทยจะยังไม่ถึงขั้นต้องติดลบเหมือนกับต่างประเทศ และเชื่อว่าปีนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ย หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ ส่งผลให้ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยตลอดปีนี้ขยายตัวระดับร้อยละ 5-6 จากครึ่งปีแรกขยายตัวร้อยละ 3
ด้าน นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงทุนภาครัฐที่ขับเคลื่อนออกมานั้น ภาคเอกชนจะลงทุนตามหลัง 6 เดือน โดยมั่นใจว่า ไตรมาส 3-4 ปีนี้การลงทุนของภาคเอกชนน่าจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา การลงทุนกลุ่มสื่อสารมีการลงทุนนับแสนล้าน