ตามคาด! กนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% เผยที่ประชุมห่วงปัญหาภัยแล้งกระทบภาคการบริโภคอ่อนแรงลง และอาจมีความเสี่ยงจีดีพีด้านต่ำมากขึ้น พร้อมจับตาเงินบาทแข็งค่าอาจไม่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การดำเนินนโยบายของประเทศอุตสาหกรรมหลัก ทำให้มีความเสี่ยงเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ และอัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มผันผวนสูงขึ้น
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.กล่าวว่า ที่ประชุม กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่การส่งออกยังหดตัว การลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ การบริโภคภาคเอกชนอ่อนแรงลง
ส่วนหนึ่งมาจากครัวเรือนภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ความเสี่ยงในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโน้มไปด้านต่ำมากขึ้น จากที่คาดว่าจีดีพีปีนี้ขยายตัวร้อยละ 3.1 แต่ต้องจับตาผลกระทบจากภัยแล้งที่กระทบโดยตรงทำให้การบริโภคชะลอตัว บวกกับเกษตรกรมีหนี้สินค้างเก่าทำให้กระทบต่อการบริโภค โดยคาดหวังว่า ภัยแล้งน่าจะคลี่คลายในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้น รวมทั้งต้องติดตามเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าการประเมินครั้งก่อน
นอกจากนี้ บางช่วงเวลาเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับคู่ค้าคู่แข่งบางสกุลอาจไม่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเท่าที่ควรในระยะต่อไป ความไม่แน่นอนของทิศทางการดำเนินนโยบายของประเทศอุตสาหกรรมหลักทำให้มีความเสี่ยงเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ และอัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มผันผวนสูงขึ้น ซึ่งทาง กนง.มีเครื่องมือในการดูแลเงินบาท และติดตามอย่างใกล้ชิด
นายจาตุรงค์ กล่าวว่า กนง.ย้ำว่าภาวะการเงินผ่อนคลายเพิ่มขึ้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อยู่ในระดับต่ำ และอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ที่ลดลง กนง.เห็นว่าควรคงดอกเบี้ยเพื่อรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย เพราะการลดอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้ รวมทั้งต้องติดตามความเสี่ยงจากพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังเรื่องการปล่อยสินเชื่อ เห็นได้จากการขยายตัวของสินเชื่อต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ