LPN เผยไตรมาสแรกรายได้รวม 4,424.06 ล้านบาท โต 102.7% และมีกำไรสุทธิ 704.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2558 กว่า 141.12% หลังคุมต้นทุนค่าก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาอัตรากำไรขั้้นต้นในระดับ 30% สำเร็จ
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPNกล่าวว่า ในไตรมาส 1 ปี 2559 บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,424.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,241.57 ล้านบาท จากไตรมาส 1 ปี 2558 หรือเพิ่มขึ้น 102.71% โดยรายได้หลักมาจากรายได้จากโครงการเพื่อขาย 90% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2,036.47 ล้านบาทในปี 2558 เป็น 4,252.02 ล้านบาทในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 2,215.55 ล้านบาท คิดเป็น108.79%
สำหรับผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 412.15 ล้านบาท จาก 292.06 เป็น 704.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้้น141.12% จากการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้้นต้นไว้ในระดับ 30% ของรายได้ พร้อมทั้งดูแลค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 13.38% ในไตรมาส 1 ปี 2558 เป็น15.92%
โดยในไตรมาสนี้ บริษัทมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และส่งมอบ จำนวน 5 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 4 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 1 โครงการ มูลค่ารวมทั้้งสิ้้นประมาณ 10,200 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการลุมพินีพาร์ค นวมินทร์-ศรีบูรพา โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ โครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต คลอง 1 เฟส 2 โครงการเดอะ ลุมพินี 24 และ โครงการลุมพินี พาร์คบีชชะอำ ซึ่งทั้ง 5 โครงการบริษัทจะทยอยส่งมอบ และรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้
นอกจากนี้ ในไตรมาสแรก แอล.พี.เอ็น.ฯ ได้ต่อยอดนวัตกรรมการพักอาศัยแบรนด์ “ลุมพินี” ด้วยกลยุทธ์ “ชุมชนน่าอยู่สำหรับคนทุกวัย” ต่อจากกลยุทธ์ “ชุมชนน่าอยู่” มาพัฒนาโครงการแรกที่ลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์-บางแวก มูลค่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวเป็นทางการเมื่อปลายเดือนมกราคม และคาดว่าจะส่งมอบในไตรมาส 2 ปี 2560
“ช่วง 9 เดือนที่เหลือของปี 2559 บริษัท และบริษัทย่อยจะมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบอีก 11 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,750 ล้านบาท และแผนมีเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 15 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 18,120 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 แอล.พี.เอ็น.ฯ มี Backlog หรือห้องชุดรอรับรู้รายได้รวม 9,500 ล้านบาท โยจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2559 จำนวน 8,700 ล้านบาท และยกไปรับรู้รายได้ในปี 2560 จำนวน 800 ล้านบาท”
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 บริษัท มีสินทรัพย์รวมลดลง 233.11 ล้านบาท จาก 19,625.30 ล้านบาท เหลือ 19,392.19 ล้านบาท หรือลดลง 1.19% โดยมีสาเหตุหลักจากการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้า งและสินค้าคงเหลือลดลง 755.34 ล้านบาท จาก 16,292.56 เหลือ 15,537.22 ล้านบาท หรือลดลง 4.64% ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมส่งมอบ 5 โครงการที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น
นอกจากนี้ ยังได้วางเงินมัดจำค่าที่ดินเพิ่มขึ้้น 1 แปลง ได้แก่ ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 113 เพื่อพัฒนาตามแผนงานที่กำหนดไว้ ส่งผลให้หนี้สินรวมลดลง 53.32 ล้านบาท จาก 8,044.05 เหลือ 7,990.73 ล้านบาท หรือลดลง 0.66% โดยมีสาเหตุหลักคือ ไตรมาส 1 ปี 2559 มีการส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทำให้มีสภาพคล่องสูง จึงทยอยชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบนัการเงิน โดยลดลง 1,329.78 ล้านบาท จาก 5,142.75 ล้านบาท เหลือ 3,812.97 ล้านบาท หรือลดลง 25.86%