ตลท.เดินหน้าสร้างวินัยทางการเงินต่อเนื่องผ่านโครงการ “เงินทองต้องวางแผน” ปี 4 ตั้งเป้า 2.7 ล้านคนทั่วประเทศ พร้อมกระตุ้นให้ประชาชนเข้าใจการลงทุน การเลือกแผนการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี ด้านผู้จัดการ ตลท.มองจีดีพี Q1 โตได้ 3.2% สูงสุดในรอบ 12 ไตรมาส สะท้อนว่า ศก.ไทยกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และดีขึ้น แม้จะไม่หวือหวาเหมือนในอดีต ส่งผลประกอบการ บจ.ไตรมาสแรกอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ และเป็นไปตามที่คาดเอาไว้
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ แม้ภาครัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นการออม เช่น การจัดตั้งกองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ที่อยู่ในระบบการออมเพื่อการเกษียณครอบคลุมประชากรกว่า 20 ล้านคน และมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 9 ล้านล้านบาท แต่เงินออมจากแหล่งต่างๆ ข้างต้นนี้อาจไม่เพียงพอต่อการรองรับเพื่อเป้าหมายเกษียณของแต่ละคน
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงได้จัดทำโครงการ “เงินทองต้องวางแผน” ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้มนุษย์เงินเดือนที่อยู่ในระบบการออมเพื่อการเกษียณกว่า 20 ล้านคน มีความรู้ความเข้าใจด้านการวางแผนการเงิน และการวางแผนเกษียณที่ถูกต้อง สามารถวางแผนการออม รวมทั้งเลือกช่องทาง และนโยบายการลงทุนที่เหมาะสม อันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายเกษียณที่แต่ละคนกำหนดไว้
โดยปีนี้โครงการ “เงินทองต้องวางแผน” ปีที่ 4 ภายใต้ Campaign ประชาสัมพันธ์ “เรียนรู้ก่อนสาย เพื่ออนาคตสดใสทางการเงิน” ผ่านการดำเนินงานต่างๆ เช่น การสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่เข้มแข็ง ทั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน บริษัทจดทะเบียน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน นำองค์ความรู้ และสื่อการเรียนรู้ต่างๆ ไปเผยแพร่ภายในองค์กร โดยเฉพาะกลุ่มสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะเผยแพร่ความรู้ให้ครอบคลุมกว่า 150,000 คน โดยตลอดทั้งโครงการได้ตั้งเป้าหมายเข้าถึงองค์กรต่างๆ กว่า 100 องค์กร ครอบคลุมประชาชนกว่า 2.7 ล้านคนทั่วประเทศ
นางเกศรา กล่าวว่า ตลท.จะกระตุ้นให้ประชาชนเข้าใจการลงทุน การเลือกแผนการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เข้าใจการลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด ดีกว่าการลงทุนในเงินออมที่ให้ผลตอบแทนต่ำเพียงร้อยละ 1 และไม่เพียงพอเมื่อวัยเกษียณ
ส่วนกรณีตัวเลขจีดีพีของไทยไตรมาส 1 /2559 ขยายตัวได้ร้อยละ 3.2 สูงสุดในรอบ 12 ไตรมาสนั้น ผู้จัดการ ตลท.ระบุว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และดีขึ้นสอดคล้องต่อผลประกอบการกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน หลายสำนักวิเคราะห์ต่างประเมินไปทิศทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 3 แม้จะเป็นตัวเลขที่ไม่หวือหวาเหมือนในอดีต แต่เป็นการย้ำฐานให้แข็งแกร่งขึ้น โดยยังต้องติดตามการลงทุนของภาคเอกชนด้วยว่าจะขยายตัวมากน้อยแค่ไหน
ขณะที่การลงทุนของภาครัฐขณะนี้เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องแล้ว เช่นเดียวกับการส่งออกที่เริ่มกลับมาดีขึ้น ส่วนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 1 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ และเป็นไปตามที่คาดเอาไว้