โดยบริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับคอลัมน์ดีๆ ที่ช่วยแนะนำการวางแผนทางการเงินด้วยแนวคิด “วางแผนการเงิน..แค่คิดชีวิตก็เปลี่ยน” ครับ
สำหรับวันนี้ผมจะเริ่มด้วยคำถามที่ว่า “ใครไม่อยากรวย...ยกมือขึ้น” จากคำถามข้อนี้ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงตอบว่า “อยากรวย” ซึ่งก็อาจจะมีบางคนตอบผมว่าอยากมีความสุข อยากมีสุขภาพดีมากกว่า ซึ่งอันนี้ผมก็เห็นด้วยนะครับว่าการมีความสุขหรือสุขภาพดีนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าความรวยเสียด้วยซ้ำ แต่หากเรามีทั้งสองสิ่งนั้นแล้วและเรายังมีความมั่งคั่ง มั่นคง ร่ำรวยด้วย ย่อมทำให้เรายิ่งมีความสุขกว่าเดิมนะครับ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความมั่งคั่ง มั่นคง ร่ำรวย ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่นๆ แม้มันจะไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตแต่มันเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งและเป็นปัจจัยสำคัญของชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ โดยในวันนี้ผมจะมาบอกแนวคิดในการสร้างความร่ำรวยให้กับทุกท่านและบอกเหตุผลว่า ทำไมบางคนถึงรวยและทำไมบางคนถึงไม่รวย ทั้งๆ ที่ก็ทำงานหนักเหมือนกันและมีเวลาเท่าๆ กันครับ
ประเด็นแรก สิ่งที่ทำให้ไม่รวย ก็คือ “ความคิด” ของตัวเองครับ ถ้าอยากรวยต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ โดยตัดข้ออ้างต่างๆ ออกไปให้หมด เริ่มด้วยการตัดแนวคิดที่ว่า “รวยได้ต้องมีทุน” คนส่วนใหญ่คิดแบบนี้ นี่จึงเป็นข้ออ้างของหลายคน อยากรวยแต่ไม่มีทุนทำนั่นทำนี่ ไม่มีเงินลงทุน แต่ทุกวันนี้หลายอย่างเปลี่ยนไปแล้วบางคนมีทุนมากแต่ไม่มีแนวคิดทำธุรกิจและการลงทุน เงินที่มีมากๆ ก็หมดลงได้เช่นกันครับ กลับกันคนที่มีเงินทุนน้อยหลักพันบาทหากแต่ใช้แนวคิดดีๆ มีความเชื่อว่าแนวคิดนั้นเป็นไปได้และตั้งใจทำอย่างจริงจังเต็มกำลังความสามารถ จากเงินลงทุนหลักพันก็สามารถงอกเงยเป็นหลักล้าน สิบล้าน ร้อยล้านได้อย่างสบายๆ ครับ
สิ่งสำคัญเรื่องแนวคิดอีกอย่างหนึ่ง คือ “การทำงานประจำ” ซึ่งการเป็นพนักงานประจำนั้นมีโอกาสรวยได้ยาก นอกเสียจากจะมีความรู้เรื่อง “การลงทุนและการวางแผนทางการเงินเป็นอย่างดี” ต้องรู้จักวิธีการบริหารเงิน โดยนำเงินไปลงทุนด้านต่างๆ จึงจะมีโอกาสรวยขึ้นได้ ซึ่งหลายคนทำงานมานาน มีความรู้ความสามารถมาก บางครั้งมากกว่าเจ้าของกิจการและสามารถทำแทนเจ้าของกิจการได้ทุกอย่าง แต่เมื่อไม่กล้าเสี่ยงในการลงทุนย่อมมีโอกาสรวยได้ยากครับ
ประการที่สอง สิ่งที่ทำให้ไม่รวย ก็คือ “ติดอยู่กับปัจจุบัน” ปัจจุบันที่ว่านี้คือ การติดในความสบาย หรือความคิดที่ว่า “มีรายได้มากพอแล้ว” ก็หยุดไม่ทำอะไรเพิ่มเติมอีก โดยทำทุกอย่างเหมือนเดิม หรือเมื่อเห็นว่ามีรายได้มากแล้วก็เน้นไปที่การใช้จ่ายแทนที่จะเน้นการนำเงินไปต่อยอดเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนกลับมา เช่น การนำไปซื้อของฟุ่มเฟือย การเปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้บ่อยๆ ซึ่งเป็นการนำเงินไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งปกติการติดกับปัจจุบันมักเกิดกับ “เศรษฐีใหม่” ซึ่งมักจะซื้อทุกสิ่งเพื่อแสดงความมั่งคั่งซึ่งค่อนข้างจะผิดทาง เพราะการทำเช่นนั้นย่อมทำให้พลาดโอกาสในการนำเงินนั้นไปลงทุนต่อยอดเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นจึงควรนำเงินไปลงทุนต่อยอดไม่ใช่นำไปใช้จ่ายกับวัตถุที่ไม่สร้างผลตอบแทน ซึ่งเงินจะหมดไปรวดเร็วมากนะครับ
ประการสุดท้าย สิ่งที่ทำให้ไม่รวย ก็คือ “ขาดประสบการณ์” ในเรื่องความรู้และประสบการณ์นั้นเป็นสิ่งที่ควบคู่กัน เป็นสิ่งที่เดินไปแบบขนานกัน หากแต่ว่าความรู้นั้นเมื่อเรียนแล้วก็จะ “มีความรู้” ซึ่งในเรื่องความรู้นั้นสามารถเรียนทันกันได้ แต่ในส่วนของ “ประสบการณ์” ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเคยเห็นเคยพบประสบมา ซึ่งคนที่มีประสบการณ์มากกว่าย่อมมีมุมมองทางความคิดที่แตกต่างกว่า ซึ่งของอย่างเดียวกันบางคนเห็นเป็นทองแต่บางคนเห็นเป็นขยะ หรือบางคนมองไม่เห็นอะไรเลย ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และมุมมองของแต่ละคนนั่นเองครับ
เหมือนคำกล่าวที่ว่า ในวิกฤตย่อมมีโอกาสอยู่เสมอแล้วแต่ว่าใครจะมองเห็นมันนั่นเอง คนที่มีประสบการณ์ย่อมสามารถแก้วิกฤตให้เป็นโอกาสได้ดีกว่าเช่นกัน อีกประการหนึ่ง คือ ประสบการณ์สอนให้เรามีแนวคิดที่แตกต่างจากคนอื่นได้ ที่ต่างเพราะเห็นมามากกว่า การแก้ปัญหาก็อาจจะใช้วิธีการที่แตกต่างไป ความรวยก็เช่นกัน มักจะมาจากแนวคิดที่สวนทางกับคนส่วนใหญ่ แต่มันคือช่องทางทำเงินที่ทำให้คนที่มีเงินทุนน้อยสามารถเป็นเศรษฐีได้ครับ
จากแนวคิด 3 ประการข้างต้น “ความรวย” เป็นสิ่งที่ไม่ใช่จะได้มาโดยง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถที่จะทำได้ ในเบื้องต้นจะต้องเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมองและเปิดโลกให้กว้าง หมั่นศึกษาหาความรู้และประสบการณ์ และต้องคิดเสมอว่าคนอื่นทำได้ เราก็ควรที่จะต้องทำได้เช่นเดียวกัน
ขอเพียงเปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนการกระทำ และที่สำคัญ ต้องมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน ผมเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ และทุกท่านจะประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้านครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
