xs
xsm
sm
md
lg

เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ มั่นใจครึ่งปีหลังฟื้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ มั่นใจครึ่งปีหลังฟื้นตัว ชูธุรกิจรับฝาก และบริหารสินค้าอันตราย บริหารยานยนต์เชิงรุก และรับขนส่งสินค้าข้ามแดน ช่วยผลักดันผลการดำเนินงานปี 59 เติบโตไม่น้อยกว่าปีก่อน แม้รายได้ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ชะลอตัว เหตุจากปิดปรับปรุงพื้นที่รับฝาก และบริหารชิ้นส่วนยานยนต์ในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ผู้บริหารระบุเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจในไทย และอาเซียนต่อเนื่อง ไตรมาส 2-3 นี้เตรียมเปิดบริการศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ ศูนย์รวมการเก็บและกระจายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ในเขตท่าเรือแหลมฉบัง และเปิดคลังสินค้าทั่วไป และสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็น และแช่แข็งที่กัมพูชา ช่วยดันรายได้ครึ่งปีหลัง

ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านลอจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดการณ์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 (เมษายน-มิถุนายน) มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากความต้องการด้านลอจิกติกส์ในภาคอุตสาหกรรมการนำเข้า-ส่งออกที่ดีขึ้น และการขยายการลงทุนของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานปี 2559 จะมีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจหลักที่มีแนวโน้มเติบโตที่ดี ได้แก่ ธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ที่มุ่งให้บริการเชิงรุกแบบ On-Site Service ภายในพื้นที่โรงงานของลูกค้าเพิ่มขึ้น และธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดนที่คาดว่าขยายตัวแบบก้าวกระโดด ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้รวมในปีนี้เติบโต หลังจากไตรมาส 1/59 บริษัทฯ มีรายได้รวม 549.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 46 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ชะลอตัวส่วนหนึ่งเกิดจากบริษัทฯ ตัดสินใจนำพื้นที่บริการรับฝากและบริหารชิ้นส่วนยานยนต์ ภายในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ที่สิ้นสุดสัญญาให้บริการรับฝากสินค้า มาปรับปรุงเป็นโครงการศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ (JCS : JWD Chemical Supply Chain) มีพื้นที่ 6,900 ตารางเมตร และโครงการศูนย์รวมในการเก็บและกระจายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ (LCL Consolidate Hub) พื้นที่ 9,100 ตารางเมตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการสินค้า และอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ส่วนธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตรายมีรายได้ลดลงบ้างในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เนื่องจากจากปริมาณการนำเข้า-ส่งออกสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ที่ผ่านเข้า-ออกพื้นที่เขตท่าเรือแหลมฉบังชะลอตัว คาดว่าเป็นผลมาจากผู้นำเข้า และส่งออกรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงซึ่งจะมีผลต่อราคาวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปริมาณการนำเข้าสินค้ากลับมาเพิ่มขึ้นในระดับปกติ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้

“ถึงแม้ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ผ่านมาชะลอตัวลง แต่ถ้าพิจารณารายได้จากกลุ่มธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ที่รุกให้บริการแบบ On-Site Service ภายในพื้นที่โรงงานของลูกค้า และธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดนยังมีอัตราเติบโตที่ดี และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น เราจึงมั่นใจว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเรามีโครงการลงทุนด้านลอจิสติกส์ และคลังสินค้าทั้งในไทย และอาเซียนที่จะทยอยเปิดให้บริการ และสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ ในครึ่งปีหลัง ประกอบกับการเปิด AEC จะส่งผลดีต่อธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดนขยายตัวอย่างโดดเด่น” ดร.เอกพงษ์ กล่าว
 
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD เปิดเผยว่า ในปีนี้ JWD จะเดินหน้าขยายธุรกิจให้บริการด้านลอจิสติกส์ในไทย และอาเซียนต่อเนื่อง โดยโครงการศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ และโครงการศูนย์รวมในการเก็บและกระจายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในไตรมาส 3 นี้ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนในต่างประเทศบริษัทฯ เตรียมเปิดบริการคลังสินค้าทั่วไป และสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็น และแช่แข็ง ในประเทศกัมพูชา ในไตรมาส 3 นี้ มีพื้นที่ 3,440 ตารางเมตร คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีอัตราเช่าพื้นที่ 50% ของทั้งหมด นอกจากนี้ มีแผนขยายการลงทุนในไทย และอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งรูปแบบการเจรจาร่วมทุน การเข้าควบรวมกิจการ และการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานปี 2559 และการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศเป็น 25% ภายในปี 2563 จากปัจจุบันอยู่ที่ 8% เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจให้บริการลอจิสติกส์ในอาเซียน


กำลังโหลดความคิดเห็น