“เมืองไทยลิสซิ่ง” ไตรมาสแรกยอดปล่อยสินเชื่อพุ่ง 86.39% กำไรสุทธิรวม 280 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 54.7% เกินเป้าหมายที่วางไว้ หลังเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคใต้ ขยายฐานลูกค้าหน้าใหม่ ผู้บริหารมั่นใจรายได้ กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง สินเชื่อโตไม่ต่ำกว่า 50% ตามแผน แถมยังคุมเอ็นพีแอลได้อยู่หมัด แค่ 0.9% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน ยังครองความผู้นำตลาดสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 110 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยต่ำสุดในระบบ อุ้มรากหญ้า
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/59 บริษัทฯ มียอดปล่อยสินเชื่อ 6,952 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,222 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 86.39% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 865 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 332 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62.29% เทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.7% เทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/59 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก เนื่องจากเรามีจุดแข็งในการพิจารณาสินเชื่อ และปล่อยกู้ได้รวดเร็ว โดยพอร์ตสินเชื่อรวมเพิ่มเป็น 14,456 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2558 พอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 12,630 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เรายังคงให้ความระมัดระวังปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) แม้ยอดปล่อยสินเชื่อจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในแง่ของเอ็นพีแอลในไตรมาส 1/59 อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.9 % ของสินเชื่อรวมเท่านั้น สะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ” นายชูชาติ กล่าว
โดยผู้บริหารมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ตามแผน และยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในช่วง 2 ปีนี้ (2559-2560) โดยตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ต่อปี ซึ่งผลักดันรายได้ และกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยในส่วนของสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ที่รัฐบาลพยายามผลักดันเพื่อให้เข้ามามีบทบาทในการปล่อยกู้ให้แก่ลูกค้าในระดับรากหญ้าที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งบริษัทฯ ได้เปิดตัวโปรดักต์นี้ในช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก จนก้าวสู่ความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของเมืองไทย โดยในไตรมาส 1/59 มียอดปล่อยสินเชื่อใหม่กว่า 110 ล้านบาท และคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 29.5% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำสุดในระบบ และต่ำกว่าที่ทางการกำหนดให้สามารถคิดได้ในอัตราสูงสุด 36% ต่อปี เนื่องจากบริษัทฯ ต้องการช่วยเหลือคนในระดับรากหญ้าที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยไม่คิดอัตราดอกเบี้ยแพงจนเกินไป
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/59 บริษัทฯ มียอดปล่อยสินเชื่อ 6,952 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,222 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 86.39% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 865 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 332 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62.29% เทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.7% เทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/59 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก เนื่องจากเรามีจุดแข็งในการพิจารณาสินเชื่อ และปล่อยกู้ได้รวดเร็ว โดยพอร์ตสินเชื่อรวมเพิ่มเป็น 14,456 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2558 พอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 12,630 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เรายังคงให้ความระมัดระวังปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) แม้ยอดปล่อยสินเชื่อจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในแง่ของเอ็นพีแอลในไตรมาส 1/59 อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.9 % ของสินเชื่อรวมเท่านั้น สะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ” นายชูชาติ กล่าว
โดยผู้บริหารมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ตามแผน และยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในช่วง 2 ปีนี้ (2559-2560) โดยตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ต่อปี ซึ่งผลักดันรายได้ และกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยในส่วนของสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ที่รัฐบาลพยายามผลักดันเพื่อให้เข้ามามีบทบาทในการปล่อยกู้ให้แก่ลูกค้าในระดับรากหญ้าที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งบริษัทฯ ได้เปิดตัวโปรดักต์นี้ในช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก จนก้าวสู่ความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของเมืองไทย โดยในไตรมาส 1/59 มียอดปล่อยสินเชื่อใหม่กว่า 110 ล้านบาท และคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 29.5% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำสุดในระบบ และต่ำกว่าที่ทางการกำหนดให้สามารถคิดได้ในอัตราสูงสุด 36% ต่อปี เนื่องจากบริษัทฯ ต้องการช่วยเหลือคนในระดับรากหญ้าที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยไม่คิดอัตราดอกเบี้ยแพงจนเกินไป