MTLS คาดผลงาน Q1/59 โตตามเป้า มั่นใจคุม NPL ในเกณฑ์ปกติ เล็งปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์กว่า 500 ล้านบาทในปีนี้ สำหรับแหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้ในการปล่อยสินเชื่อ มาจากการออกหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน และเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/59 ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยเฉพาะสาขาที่เปิดใหม่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ซึ่งมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก จนบริษัทฯ ต้องเพิ่มพนักงานให้บริการมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการเข้ามาใช้บริการของลูกค้า อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 1/59 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น แต่ก็สามารถคุมหนี้เสีย (NPL) ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้
สำหรับแหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้ในการปล่อยสินเชื่อมาจากการออกหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน และเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ โดยแบ่งเป็นเงินกู้ หรือตั๋วเงินระยะสั้น 50% และเงินกู้ หรือตั๋วเงินระยะยาว 50% ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังสามารถระดมทุนจากตลาดเงินได้อีกมาก เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทอยู่ในระดับ 1.31 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนแต่ประการใด
ส่วนปัญหาเรื่องภัยแล้งอันเนื่องมาจากสภาพดิน ฟ้า อากาศ และมีผลทำให้น้ำในเขื่อนเหลือน้อยกว่าปกติ จะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ หรือไม่นั้น นายชูชาติ เห็นว่า ปัญหาภัยแล้งนั้น รัฐบาลได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับรู้มานานแล้ว และกลุ่มเกษตรกรได้มีการปรับตัวมาพอสมควร โดยการไม่ก่อหนี้ใหม่ และพยายามหาเงินมาคืนสำหรับหนี้ที่ยังค้างอยู่ และเกษตรกรได้เปลี่ยนอาชีพจากทำการเกษตรเป็นการย้ายเข้าไปทำงานก่อสร้างในเมือง ซึ่งรายได้ขั้นต่ำก็พอจะชำระเงินกู้ของบริษัทฯ ได้
สำหรับสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งรัฐบาลพยายามส่งเสริมให้บริษัทฯ เข้ามาช่วยกันปล่อยกู้ ในปี 2558 บริษัทฯ ได้ปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์มากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ กล่าวคือ ยอดรวมสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ทั้งประเทศจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า มีจำนวน 150 ล้านบาท เป็นสินเชื่อที่บริษัทฯ ปล่อยเป็น จำนวน 130.2 ล้านบาท หรือ 86.8% ของยอดปล่อยทั้งประเทศ สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท
นายชูชาติ กล่าวว่า แม้ในปีที่ผ่านมา จะมีปัจจัยลบเข้ามามีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจหลายปัจจัย เช่น ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาผลผลิตที่ลดน้อยลง ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ แต่ก็ไม่มีผลต่อการปล่อยสินเชื่อของบริษัทฯ แต่ประการใด โดยในปีที่ผ่านมา ยอดปล่อยสินเชื่อรวมทุกประเภทขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 62% และมีผลทำให้ยอดลูกหนี้คงเหลือเพิ่มขึ้นประมาณ 70% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
“ในปีที่ผ่านมา เราตั้งเป้าหมายเติบโตมากกว่า 50% และเราสามารถทำงานได้บรรลุเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยลูกค้าที่เข้ามาขอสินเชื่อกระจายออกไปตามอาชีพต่างๆ เช่น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มลูกค้าโรงงาน กลุ่มลูกค้ารายวัน กลุ่มลูกจ้างรายเดือน และเจ้าของกิจการเล็กๆ น้อยๆ สำหรับในปี 2559 เราตั้งเป้าหมายการเติบโต 50% เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา” นายชูชาติ กล่าว
สำหรับ NPL ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังคงรักษาระดับไว้อยู่ในเกณฑ์ 0.9% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในธุรกิจประเภทเดียวกัน โดยสำรองเพิ่มขึ้นเพียง 10.5 ล้านบาท และมีการตัดหนี้สูญเพียง 14.15 ล้านบาท จึงทำให้อัตราส่วนสำรองต่อหนี้เสียอยู่ในระดับสูงถึง 287% โดยเป็นการสำรองตามเกณฑ์มาตรฐาน โดยคำนึงถึงโอกาสสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจึงไม่ต้องตั้งสำรองพิเศษแต่ประการใด