มูลค่าการลงทุนซื้อขายอาคารที่มีประโยชน์การใช้ในเชิงธุรกิจ (เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรม) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกปรับตัวลดลง 5% ในไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยมีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 23,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดการซื้อขายหลักมีปริมาณการลงทุนซื้อขายลดลง แม้ฮ่องกง ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ จะมีมูลค่าการซื้อขายอาคารปรับเพิ่มขึ้น
ปริมาณการลงทุนซื้อขายอาคารในญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 26% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 9,600 ล้านดอลลาร์ ตามการรวบรวมข้อมูลโดยเจแอลแอล
นายมีแกน วอลเตอร์ส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย หน่วยบริการด้านการลงทุนภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ของเจแอลแอล กล่าวว่า เมื่อต้นปีนี้ ธนาคารกลางของญี่ปุ่นได้ตัดสินใจประกาศใช้นโยบายดอกเบี้ยเงินฝากติดลบ ได้ทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้น และเป็นเหตุให้การตกลงซื้อขายอาคารจำนวนหนึ่งไม่เกิดขึ้น
ในช่วงเดียวกัน มูลค่าการลงทุนซื้อขายในออสเตรเลีย ปรับเพิ่มขึ้น 32% เมื่อคำนวณเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือ 44% เมื่อคิดเป็นเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย โดย 40% ของผู้ซื้อเป็นนักลงทุนต่างชาติ ที่จีน มูลค่าการลงทุนซื้อขายปรับเพิ่มขึ้น 10% แม้ตลาดการเงินของประเทศจะมีความผันผวนในช่วงต้นปีนี้
ที่ฮ่องกง มีการซื้อขายอาคารรายการใหญ่เกิดขึ้น 2 รายการในไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ การเข้าซื้ออาคารต้าสิงไฟแนนเชียล โดยไชน่า เอเวอร์ไบรท์ มูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการซื้ออาคารที่เป็นสินทรัพย์จากรัฐบาลฮ่องกง โดยลิงค์รีทส์ มูลค่า 760 ล้านดอลลาร์ ดันให้มูลค่าการลงทุนซื้อขายอาคารในฮ่องกงปรับเพิ่มขึ้น 186% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ที่เกาหลีใต้ มูลค่าการซื้อขายในไตรมาสที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 207% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว การลงทุนรายการใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้น คือ การเข้าซื้ออาคารสำนักงานเกรดเอโดยอัลฟา อินเวสต์เม้นท์ พาร์ทเนอร์ ด้วยมูลค่า 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตลาดการลงทุนซื้อขายอาคารในไทยไตรมาสแรกเงียบเหงา
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการเจแอลแอล ในประเทศไทย กล่าวว่า ทั้งนักลงทุนไทย และต่างชาติแสดงความสนใจสูงในการหาซื้ออาคารที่มีคุณภาพดีในประเทศไทยเพื่อลงทุน โดยเฉพาะอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ดี ไม่มีการซื้อขายอาคารเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากการขาดแคลนสินทรัพย์ที่มีเสนอขาย
ธุรกรรมการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์รายการใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในไทยในไตรมาสแรกของปี คือ ธุรกรรมการเช่าที่ดินขนาดประมาณ 6 ไร่ บนถนนสีลม โดยบริษัท นายณ์เอสเตท จำกัด ร่วมกับกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ด้วยอายุสัญญาเช่า 50 ปี โดยมีเจแอลแอลเป็นตัวแทนในฝั่งของเจ้าของที่ดินในการจัดหาผู้เช่า อย่างไรก็ดี ธุรกรรมดังกล่าวนี้ไม่นับรวมในรายงานการลงทุนซื้อขายอาคาร
“นายณ์เอสเตท และกลุ่มไมเนอร์ ทำสัญญาเช่าเฉพาะแปลงที่ดินเท่านั้น ซึ่งอาคารสำนักงาน 3 อาคาร ปัจจุบันที่มีอยู่บนแปลงที่ดินจะถูกแทนที่โดยโครงการอาคารสำนักงานใหม่ที่ผู้เช่าประกาศการร่วมกันลงทุนเพื่อสร้างขึ้น”
นักลงทุนเอเชียเน้นลงทุนซื้ออาคารในภูมิภาค
จากการที่แนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน นักลงทุนเอเชียจึงสนใจซื้ออาคารในประเทศเอเชียมากกว่าที่จะลงทุนในภูมิภาคอื่น ทำให้สัดส่วนการลงทุนซื้อขายอาคารโดยนักลงทุนภายในภูมิภาคปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยในไตรมาสแรกของปีนี้การลงทุนซื้อขายอาคารภายในภูมิภาคโดยนักลงทุนเอเชียมีมูลค่ารวม 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 1,100 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว