ผู้ถือหุ้น “แอล.วี.เทคโนโลยี” 12 ราย ถือหุ้นรวมกว่า 148 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 21.39% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด ร่วมกันเข้าชื่อขอเปิดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 3 พ.ค. เพื่อซักฟอกฝ่ายบริหาร และขอถอดถอนกรรมการผู้จัดการ หลังบริษัทฯ ประสบปัญหาการบริหารงาน และความล่าช้าในการส่งงบการเงิน ทำให้หุ้นถูกแขวน SP ตั้งแต่ปี 2557
ฝ่ายบริหารบริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ LVT ได้ส่งหนังสือถึงกรรมการ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแจ้งถึงรายละเอียดของผู้ถือหุ้น จำนวน 12 ราย ที่ได้เข้าชื่อร้องขอเปิดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้กำหนดให้จัดขึ้นในวันที่ 3 พ.ค.นี้ โดยผู้ถือหุ้น จำนวน 12 รายดังกล่าว ถือหุ้นนับรวมกันได้ 148,043,735 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 21.39 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด จำนวน 692,095,099 หุ้น โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติ รวมทั้ง นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และอดีตกรรมการผู้จัดการ โดยได้ลาออกจากบริษัทฯ ไปแล้วแต่ยังถือหุ้นอยู่
ตามวาระการประชุมที่กำหนดไว้ สำหรับการประชุมวิสามัญวันที่ 3 พ.ค.นี้ ฝ่ายผู้ถือหุ้นได้ร้องขอ และฝ่ายคณะกรรมการของบริษัทฯ ได้เห็นสมควรให้มีการชี้แจงความคืบหน้าการจัดทำงบการเงิน และสาเหตุที่ส่งงบการเงินล่าช้า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้หุ้น LVT ถูกแขวน SP มาตั้งแต่ปี 2557 ตลอดจนการชี้แจงสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทตามที่ผู้ถือหุ้นร้องขอ
แต่อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายคณะกรรมการได้ระบุในจดหมายที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ไม่เห็นด้วยต่อข้อเรียกร้องของฝ่ายผู้ถือหุ้นที่เสนอให้ถอดถอน นายปัญญา กฤติยาวงศ์ ออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โดยให้เหตุผลว่า นายปัญญา เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันยากจะหาบุคคลอื่นมาทดแทน
ขณะเดียวกัน นายปัญญา กฤติยาวงศ์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการของบริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อนหน้านี้ว่า ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการกองปราบปรามให้ดำเนินคดีต่อ นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น โดยกล่าวหาว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2554 ในขณะที่ นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ได้สั่งให้โอนเงินจากบัญชีธนาคารของบริษัทฯ ในต่างประเทศในลักษณะที่ผิดวัตถุประสงค์ไปเข้าบัญชีบุคคลที่ 3 ในต่างประเทศจำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงินประมาณ 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และได้ชี้แจงว่า พร้อมจะต่อสู้คดีถึงที่สุด
ฝ่ายบริหารบริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ LVT ได้ส่งหนังสือถึงกรรมการ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแจ้งถึงรายละเอียดของผู้ถือหุ้น จำนวน 12 ราย ที่ได้เข้าชื่อร้องขอเปิดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้กำหนดให้จัดขึ้นในวันที่ 3 พ.ค.นี้ โดยผู้ถือหุ้น จำนวน 12 รายดังกล่าว ถือหุ้นนับรวมกันได้ 148,043,735 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 21.39 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด จำนวน 692,095,099 หุ้น โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติ รวมทั้ง นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และอดีตกรรมการผู้จัดการ โดยได้ลาออกจากบริษัทฯ ไปแล้วแต่ยังถือหุ้นอยู่
ตามวาระการประชุมที่กำหนดไว้ สำหรับการประชุมวิสามัญวันที่ 3 พ.ค.นี้ ฝ่ายผู้ถือหุ้นได้ร้องขอ และฝ่ายคณะกรรมการของบริษัทฯ ได้เห็นสมควรให้มีการชี้แจงความคืบหน้าการจัดทำงบการเงิน และสาเหตุที่ส่งงบการเงินล่าช้า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้หุ้น LVT ถูกแขวน SP มาตั้งแต่ปี 2557 ตลอดจนการชี้แจงสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทตามที่ผู้ถือหุ้นร้องขอ
แต่อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายคณะกรรมการได้ระบุในจดหมายที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ไม่เห็นด้วยต่อข้อเรียกร้องของฝ่ายผู้ถือหุ้นที่เสนอให้ถอดถอน นายปัญญา กฤติยาวงศ์ ออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โดยให้เหตุผลว่า นายปัญญา เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันยากจะหาบุคคลอื่นมาทดแทน
ขณะเดียวกัน นายปัญญา กฤติยาวงศ์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการของบริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อนหน้านี้ว่า ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการกองปราบปรามให้ดำเนินคดีต่อ นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น โดยกล่าวหาว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2554 ในขณะที่ นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ได้สั่งให้โอนเงินจากบัญชีธนาคารของบริษัทฯ ในต่างประเทศในลักษณะที่ผิดวัตถุประสงค์ไปเข้าบัญชีบุคคลที่ 3 ในต่างประเทศจำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงินประมาณ 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และได้ชี้แจงว่า พร้อมจะต่อสู้คดีถึงที่สุด