xs
xsm
sm
md
lg

ทีดับบลิวแซดฯ ปี 58 โกยรายได้ 3.7 พันล. ปันผล 0.00133 บาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่นฯ เผยปี 58 โกยรายได้ 3,755.22 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 25.99 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวปันผลหุ้นละ 0.00133 บาท ตั้งเป้าปี 59 รายได้โต 10-15% แตะระดับ 4,600 ล้านบาท โดยยังคงเป็นรายได้จากธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมเป็นหลัก พร้อมรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

นางปิยะนุช รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ ผู้จำหน่ายและให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 10-15% โดยเป้าหมายของรายได้จะอยู่ที่ 4,600 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักจะยังคงมาจากรายได้จากการขายโทรศัพท์มือถือภายใต้แบรนด์ TWZ ซึ่งในปีนี้มีเป้าหมายการขายอยู่ที่ 2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มียอดขายประมาณ 8 แสนเครื่อง รวมถึงการรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากโครงการเดอะเพเซอร์ พัทยา ซึ่งในปัจจุบันมียอดขายไปแล้วเกือบ 60%

“เรามั่นใจว่า ปี 59 จะเป็นปีที่ดีของ TWZ และเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตในระดับ 10-15% ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากในไตรมาสแรกของปีนี้เราได้รับคำสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือล็อตใหญ่ราว 7 แสนเครื่องจากเอไอเอส ซึ่งจัดแคมเปญ “เอไอเอสจัดให้” เพื่อให้สิทธิแก่ลูกค้าเปลี่ยนการใช้งานโทรศัพท์มือถือจากระบบ 2G เป็น 3G ทำให้ TWZ มียอดขายเฉพาะแคมเปญนี้อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ในไตรมาสแรก นอกจากนี้ เรายังมีแผนที่จะเปิดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่รองรับระดับ 4G จำนวน 4 รุ่น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้เติบโตกว่าปีที่ผ่านมา” นางปิยะนุช กล่าว

ทั้งนี้ TWZ ได้นำส่งงบการเงินประจำปี 58 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.99 ล้านบาท ลดลง 78.08% ขณะที่รายได้จากการขายอยู่ที่ 3,755.22 ล้านบาท ลดลง 8.09% โดยกรรมการผู้จัดการ TWZ ยอมรับว่า ผลการดำเนินงานในปี 58 ต่ำกว่าเป้าหมายที่บริษัทฯ ตั้งไว้ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้บริโภคก็ยังมีความกังวลใจ ทำให้การจับจ่ายใช้สอยชะลอตัว ขณะเดียวกัน ภาระหนี้ครัวเรือนก็ยังเป็นปัจจัยกดดันการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงพอใจต่อผลการดำเนินงานที่สามารถรักษาตัวเลขกำไรไว้ได้ในภาวะที่ยากลำบากเช่นนี้

โดยคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานรอบระยะเวลา 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 58 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.00133 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 9 พฤษภาคม 59 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 10 พฤษภาคม 59 โดยกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 3 พฤษภาคม 59 ส่วนกำหนดจ่ายปันผลจะดำเนินการในวันที่ 17 พฤษภาคม 59 อย่างไรก็ตาม มติดังกล่าวจะต้องขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อน

สำหรับแผนงานในปี 59 นั้น นอกจากจะเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่แล้ว บริษัทฯ ยังเน้นขยายฐานการขายโทรศัพท์มือถือแบรนด์ TWZ เพื่อทำตลาดในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีแผนลงทุนจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าแบบค้าส่ง หรือฮับ (Hub) ในจังหวัดตามแนวชายแดน เพิ่มเป็น 8 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 2 แห่ง เพื่อนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปจำหน่ายในพม่า ลาว และกัมพูชา ขณะที่ตลาดค้าปลีกจะเน้นทำตลาดผ่านแฟรนไชส์ TWZ Shop ด้วยการยกระดับร้านตู้มือถือให้เข้าร่วมเป็นแฟรนไชส์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 30 สาขาทั่วประเทศ และสิ้นปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มแฟรนไชส์เป็น 100 สาขา พร้อมๆ กับการเดินหน้าบริหารร้านเทเลวิซ จำนวน 23 สาขา ที่ปัจจุบันได้รับการยกระดับการให้บริการเป็นเอไอเอส พาร์ตเนอร์ ชอป แล้วจำนวน 1 สาขา

นอกจากนี้ TWZ ยังขยับสู่การให้เป็นผู้ให้บริการ เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตแบบ “ดิจิตอล ไลฟ์” ด้วยการร่วมมือกับ บริษัท ไอพี เพย์เมนท์ โซลูชั่น จำกัด หรือ IPPS ผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ “เพย์ฟอร์ยู” ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน

“อีซี่ การ์ด” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าสตางค์ออนไลน์ “อี-มันนี่” (E-Money) ที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการจับจ่ายใช้สอยสินค้า และบริการได้สะดวกขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากการให้บริการแอปพลิเคชันดังกล่าวในปีนี้ ซึ่งตั้งเป้ามีผู้ดาวน์โหลด และใช้งานแอปพลิเคชันอย่างสม่ำเสมอ จำนวน 2 แสนราย คิดเป็นรายได้ที่ TWZ สามารถรับรู้ได้อย่างน้อยเดือนละ 10 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในปีนี้ TWZ จะสามารถทยอยรับรู้รายได้จากโครงการเดอะเพเซอร์ พัทยา ซึ่งเป็นโครงการภายใต้การบริหารของ TWZ มูลค่า 500 ล้านบาท โดยการก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้ว 30% ขณะที่ยอดขายโครงการอยู่ที่เกือบ 60% ซึ่งน่าพอใจมาก
 
ส่วนโครงการของบริษัท ปิยะชาติ จำกัด ที่ TWZ ถือหุ้น 100% นอกจากจะมีโครงการเดิมบนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บนถนนรัชดาภิเษก ที่สร้างเสร็จ และอยู่ระหว่างการขายแล้ว ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่จังหวัดระยอง มูลค่า 800 ล้านบาท และโครงการที่เขาใหญ่ มูลค่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในปี 2560-2561 โดยระหว่างนี้ บริษัทปิยะชาติ อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดยคาดว่าน่าจะดำเนินการได้ในปี 2560


กำลังโหลดความคิดเห็น