ศูนย์ข่าวศรีราชา - คนขับรถสองแถว พร้อมพยานนำกระเป๋าสตางค์ของหนุ่มอุซเบฯโร่พบตำรวจพัทยา ยันไม่ได้เป็นคนทำร้ายนักท่องเที่ยว
จากกรณี Mr.Turev Kamol อายุ 21 ปี นักท่องเที่ยวชาวอุซเบกิสถาน ถูกคนขับรถสองแถวทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บริเวณหน้าร้านแบมบู บาร์ ปากทางเข้าถนนวอล์กกิ้ง สตรีท พัทยาใต้ เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 13 ก.พ. ซึ่งเบื้องต้นผู้เสียหายระบุว่ากระเป๋าสตางค์ภายในมีเงินสด จำนวน 1,000 ดอลลาร์ได้หายไป ส่วนสาเหตุคาดว่านักท่องเที่ยวไปเรียกใช้บริการ และอาจจะสื่อสารไม่เข้าใจจนทำให้เกิดการชกต่อยกันขึ้นตามที่รายงานไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าของคดี นายประณต เกตุทอง อายุ 41 ปี นายไชโย คำสงวน อายุ 45 ปี และนายคฑาวุธ รัชมาศ อายุ 18 ปี ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา และ พ.ต.ท.สมคิด สิทธิศาสตร์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พร้อมกับนำกระเป๋าสตางค์ของ Mr.Turev Kamol ภายในมีเงินไทย จำนวน 2,000 บาท เงินสกุลดอลลาร์ 116 ดอลล่าร์ และเอกสารพาสปอร์ตมาส่งคืนให้ตำรวจ
โดย นายคฑาวุธ รัชมาศ ให้การว่า ปกติตนเองมีอาชีพเรียกแขกขึ้นรถสองแถว ในระหว่างเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ขณะกำลังจะกลับบ้านพบกระเป๋าสตางค์ของ Mr.Turev Kamol หล่นอยู่ที่ฟุตปาธใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุจึงนำมามอบให้เจ้าหน้าที่
นายประณต เกตุทอง ให้การว่า ตอนเกิดเหตุตนนั่งอยู่บนรถสองแถว เห็น Mr.Turev Kamol กับเพื่อนชาติเดียวกันอีก 1 คน ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาสุราเดินออกมาจากวอล์กกิ้ง สตรีท โดยมี นายเบิ้ม คนขับรถสองแถวกับชายไทยไม่ทราบชื่อ 1 คน ไล่ตามออกมาแล้วเกิดการชกต่อยกันขึ้นโดยไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากเรื่องอะไร ตนเอง กับนายไชโย คำสงวน เพื่อนที่ขับสองแถวคิวเดียวกันจึงรีบวิ่งเข้าไปห้ามปราม
ภายหลังเหตุการณ์สงบ นายเบิ้ม กับเพื่อนผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปไม่ทราบทิศทาง กระทั่งนายคฑาวุธ ลูกน้องของตนเองมาแจ้งว่าเก็บกระเป๋าสตางค์ของนักท่องเที่ยวอุซเบกิสถานไว้ได้ จึงรีบนำมาคืนตำรวจด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ต่อมา Mr.Turev Kamol กับเพื่อนชาติเดียวกันรวม 3 คน เดินทางเข้าพบตำรวจเพื่อรับกระเป๋าสตางค์คืน แต่เมื่อเช็กแล้วเจ้าตัวยืนยันว่าเงินสด จำนวน 900 ดอลลาร์หายไป พร้อมกับชี้ตัวนายประณต ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มคนขับรถสองแถว (ไม่ทราบจำนวนที่แท้จริง) ที่เข้ามารุมทำร้ายตัวเอง
ด้าน พ.ต.อ.สุขทัศน์ กล่าวว่า คดีนี้ทางกลุ่มคนขับรถสองแถวเดินทางเข้ามาพบตำรวจเอง และปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายนักท่องเที่ยว เบื้องต้น จึงไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ คงต้องรอสอบปากคำอย่างละเอียด พร้อมกับหาหลักฐาน และพยานมาเพิ่มเติม หากพบว่าผิดจริงก็จะดำเนินการแจ้งข้อหา และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป