ก.ล.ต.สั่งปรับ “ชรินทร์ หาญสืบสาย” กรณีสั่งขายหุ้น “แปซิฟิกไพพ์” ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่นโดยอาศัยข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ตนเอง เป็นเงิน 5 แสนบาท พร้อมมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับ “ชยานนท์ วีรยุทธโกศล” กรณีสร้างราคาหุ้น “ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย)” เป็นเงิน 14,640,844.50 บาท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 นายชรินทร์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระของ PAP ได้ดำเนินการให้มีการขายหุ้น PAP ซึ่งตนมีส่วนได้เสีย และถืออยู่ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น จำนวน 147,000 หุ้น โดยนายชรินทร์ อาศัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลประกอบการในงบการเงินไตรมาส 3 ประจำปี 2557 ของ PAP ที่มีกำไรสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับอดีต โดยไตรมาส 3 ปี 2557 PAP มีกำไรสุทธิเพียง 29.57 ล้านบาท จึงเป็นกำไรสุทธิที่ลดลงร้อยละ 74.19 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 114.57 ล้านบาท และลดลงร้อยละ 63.29 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 80.54 ล้านบาท ซึ่ง PAP เพิ่งเปิดเผยสารสนเทศดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา 17.41 น. ทำให้นายชรินทร์ สามารถหลีกเลี่ยงผลขาดทุนจากการที่ราคาหุ้น PAP ลดลง ภายหลังการเปิดเผยสารสนเทศ การกระทำของนายชรินทร์ จึงเป็นความผิดตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายชยานนท์ ซื้อขายหุ้น CHUO ระหว่างวันที่ 28 เมษายน 2557-30 พฤษภาคม 2557 ในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะควบคุมราคา พยุงราคา และชี้นำราคาอย่างต่อเนื่อง เพื่อชักจูงให้บุคคลอื่นเข้ามาซื้อขายหุ้น CHUO ตาม ทั้งนี้ ราคาปิดของหุ้น CHUO ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคา 9.40 บาท ในวันที่ 25 เมษายน 2557 มาปิดที่ราคา 15.00 บาท ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2557 เพิ่มขึ้น 5.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 59.57 ในระหว่างช่วงเวลาเกิดเหตุหุ้น CHUO ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 21.60 บาท เพิ่มขึ้น 12.20 บาท คิดเป็นร้อยละ 129.78 และปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจาก 0.37 ล้านหุ้น เป็น 4.33 ล้านหุ้น
การกระทำของ นายชยานนท์ ทำให้ราคา และปริมาณการซื้อขายหุ้น CHUO ในช่วงเวลาดังกล่าวผิดไปจากสภาพปกติของตลาด เพื่อชักจูงให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่ามีผู้ต้องการซื้อขายหุ้น CHUO ในช่วงเวลานั้นเป็นจำนวนมาก และเข้าซื้อขายตาม เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 243(2) ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับ หรือพึงได้รับ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายชยานนท์ ยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงได้เปรียบเทียบปรับนายชยานนท์ เป็นเงิน 14,640,844.50 บาท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 นายชรินทร์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระของ PAP ได้ดำเนินการให้มีการขายหุ้น PAP ซึ่งตนมีส่วนได้เสีย และถืออยู่ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น จำนวน 147,000 หุ้น โดยนายชรินทร์ อาศัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลประกอบการในงบการเงินไตรมาส 3 ประจำปี 2557 ของ PAP ที่มีกำไรสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับอดีต โดยไตรมาส 3 ปี 2557 PAP มีกำไรสุทธิเพียง 29.57 ล้านบาท จึงเป็นกำไรสุทธิที่ลดลงร้อยละ 74.19 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 114.57 ล้านบาท และลดลงร้อยละ 63.29 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 80.54 ล้านบาท ซึ่ง PAP เพิ่งเปิดเผยสารสนเทศดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา 17.41 น. ทำให้นายชรินทร์ สามารถหลีกเลี่ยงผลขาดทุนจากการที่ราคาหุ้น PAP ลดลง ภายหลังการเปิดเผยสารสนเทศ การกระทำของนายชรินทร์ จึงเป็นความผิดตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายชยานนท์ ซื้อขายหุ้น CHUO ระหว่างวันที่ 28 เมษายน 2557-30 พฤษภาคม 2557 ในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะควบคุมราคา พยุงราคา และชี้นำราคาอย่างต่อเนื่อง เพื่อชักจูงให้บุคคลอื่นเข้ามาซื้อขายหุ้น CHUO ตาม ทั้งนี้ ราคาปิดของหุ้น CHUO ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคา 9.40 บาท ในวันที่ 25 เมษายน 2557 มาปิดที่ราคา 15.00 บาท ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2557 เพิ่มขึ้น 5.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 59.57 ในระหว่างช่วงเวลาเกิดเหตุหุ้น CHUO ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 21.60 บาท เพิ่มขึ้น 12.20 บาท คิดเป็นร้อยละ 129.78 และปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจาก 0.37 ล้านหุ้น เป็น 4.33 ล้านหุ้น
การกระทำของ นายชยานนท์ ทำให้ราคา และปริมาณการซื้อขายหุ้น CHUO ในช่วงเวลาดังกล่าวผิดไปจากสภาพปกติของตลาด เพื่อชักจูงให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่ามีผู้ต้องการซื้อขายหุ้น CHUO ในช่วงเวลานั้นเป็นจำนวนมาก และเข้าซื้อขายตาม เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 243(2) ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับ หรือพึงได้รับ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายชยานนท์ ยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงได้เปรียบเทียบปรับนายชยานนท์ เป็นเงิน 14,640,844.50 บาท