ตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการ “พีเออี (ประเทศไทย)” กรณีบริษัทเข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงิน และการดำเนินงาน (NC ระยะที่ 1) เหตุส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ พร้อมแขวน NC ตั้งแต่ 9 มีนาคม 2559 และยังคงเครื่องหมาย SP ห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ PAE
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้กำหนดแนวทางดำเนินการต่อบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงิน และการดำเนินงานตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง การเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ.2542 โดยพิจารณาจากงบการเงิน หรืองบการเงินรวมฉบับล่าสุดที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้วปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าศูนย์ จากการพิจารณางบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ของบริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (PAE) ที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีพบว่าบริษัทเข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงานเนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์เป็นจำนวน (135) ล้านบาทเพื่อให้เป็นไปตามความในข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังกล่าวข้างต้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะดำเนินการดังนี้
1.ประกาศว่าหลักทรัพย์ของบริษัทเข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงานระยะที่ 1 (NC ระยะที่ 1) พร้อมทั้งขึ้นเครื่องหมาย NC (Non-compliance) ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2559 และยังคงเครื่องหมาย SP (Suspension) ห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท
2.ห้ามซื้อหรือขายหลักทรัพย์จนครบ 30 วัน นับจากวันที่ประกาศตามข้อ 1 หรือจนถึงวันที่ 7 เมษายน 2559 ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริหารของบริษัทมีเวลาที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือกทางเลือกที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ที่สุดแก่บริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัท
3.ให้บริษัทแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทราบภายในวันที่ 7 เมษายน 2559 เพื่อเผยแพร่แก่ผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนถึงทางเลือกว่าบริษัทจะทำแผนฟื้นฟูกิจการเสนอผู้ถือหุ้น หรือจะฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย หรือจะขอเพิกถอนโดยสมัครใจ หรือเลือกทางเลือกอื่นใดที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัท ตลอดจนกำหนดเวลาดำเนินการในทางเลือกดังกล่าว
4.อนุญาตให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทได้ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2559 ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 ภายหลังมีข้อมูลตามข้อ 3 ที่ครบถ้วน และชัดเจนแล้วเพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสซื้อ หรือขายหลักทรัพย์อีกระยะหนึ่ง ก่อนที่จะสั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการ ในกรณีที่ครบกำหนด 30 วันดังกล่าว บริษัทยังไม่แจ้งการตัดสินใจของบริษัทต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยังคงขึ้นเครื่องหมาย SP หลักทรัพย์ของบริษัทต่อไปจนกว่าจะแจ้งผลการตัดสินใจดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้ลงทุนแล้ว
5.ห้ามซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2559 เป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะสามารถดำเนินการให้เหตุแห่งการเพิกถอนหมดไป โดยบริษัทมีหน้าที่ต้องรายงานความคืบหน้าการฟื้นฟูกิจการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ทุก 3 เดือน หรือในวันเดียวกับวันครบกำหนดส่งงบการเงินในแต่ละไตรมาส
6.ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะให้ระยะเวลาบริษัทในการแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอน 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2559 โดยกำหนดเป็น 3 ระยะ แต่ละระยะมีเวลา 1 ปี และจะประกาศรายชื่อของบริษัททุกระยะ ได้แก่ NC ระยะที่ 1 NC ระยะที่ 2 และ NC ระยะที่ 3 โดยบริษัทอาจขอขยายระยะเวลาฟื้นฟูกิจการได้ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลาไม่เกิน1 ปี (รวมระยะเวลาสูงสุดในการฟื้นฟูกิจการไม่เกิน 4 ปี) หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการให้มีคุณสมบัติพ้นเหตุเพิกถอนภายในระยะเวลาที่กำหนด ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเสนอคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทต่อไป
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนโปรดศึกษารายละเอียดงบการเงินฉบับเต็มของ PAE พร้อมทั้งติดตามการนำเสนอแผนดำเนินการของ PAE ต่อไป
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้กำหนดแนวทางดำเนินการต่อบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงิน และการดำเนินงานตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง การเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ.2542 โดยพิจารณาจากงบการเงิน หรืองบการเงินรวมฉบับล่าสุดที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้วปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าศูนย์ จากการพิจารณางบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ของบริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (PAE) ที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีพบว่าบริษัทเข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงานเนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์เป็นจำนวน (135) ล้านบาทเพื่อให้เป็นไปตามความในข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังกล่าวข้างต้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะดำเนินการดังนี้
1.ประกาศว่าหลักทรัพย์ของบริษัทเข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงานระยะที่ 1 (NC ระยะที่ 1) พร้อมทั้งขึ้นเครื่องหมาย NC (Non-compliance) ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2559 และยังคงเครื่องหมาย SP (Suspension) ห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท
2.ห้ามซื้อหรือขายหลักทรัพย์จนครบ 30 วัน นับจากวันที่ประกาศตามข้อ 1 หรือจนถึงวันที่ 7 เมษายน 2559 ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริหารของบริษัทมีเวลาที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือกทางเลือกที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ที่สุดแก่บริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัท
3.ให้บริษัทแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทราบภายในวันที่ 7 เมษายน 2559 เพื่อเผยแพร่แก่ผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนถึงทางเลือกว่าบริษัทจะทำแผนฟื้นฟูกิจการเสนอผู้ถือหุ้น หรือจะฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย หรือจะขอเพิกถอนโดยสมัครใจ หรือเลือกทางเลือกอื่นใดที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัท ตลอดจนกำหนดเวลาดำเนินการในทางเลือกดังกล่าว
4.อนุญาตให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทได้ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2559 ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 ภายหลังมีข้อมูลตามข้อ 3 ที่ครบถ้วน และชัดเจนแล้วเพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสซื้อ หรือขายหลักทรัพย์อีกระยะหนึ่ง ก่อนที่จะสั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการ ในกรณีที่ครบกำหนด 30 วันดังกล่าว บริษัทยังไม่แจ้งการตัดสินใจของบริษัทต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยังคงขึ้นเครื่องหมาย SP หลักทรัพย์ของบริษัทต่อไปจนกว่าจะแจ้งผลการตัดสินใจดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้ลงทุนแล้ว
5.ห้ามซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2559 เป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะสามารถดำเนินการให้เหตุแห่งการเพิกถอนหมดไป โดยบริษัทมีหน้าที่ต้องรายงานความคืบหน้าการฟื้นฟูกิจการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ทุก 3 เดือน หรือในวันเดียวกับวันครบกำหนดส่งงบการเงินในแต่ละไตรมาส
6.ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะให้ระยะเวลาบริษัทในการแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอน 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2559 โดยกำหนดเป็น 3 ระยะ แต่ละระยะมีเวลา 1 ปี และจะประกาศรายชื่อของบริษัททุกระยะ ได้แก่ NC ระยะที่ 1 NC ระยะที่ 2 และ NC ระยะที่ 3 โดยบริษัทอาจขอขยายระยะเวลาฟื้นฟูกิจการได้ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลาไม่เกิน1 ปี (รวมระยะเวลาสูงสุดในการฟื้นฟูกิจการไม่เกิน 4 ปี) หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการให้มีคุณสมบัติพ้นเหตุเพิกถอนภายในระยะเวลาที่กำหนด ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเสนอคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทต่อไป
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนโปรดศึกษารายละเอียดงบการเงินฉบับเต็มของ PAE พร้อมทั้งติดตามการนำเสนอแผนดำเนินการของ PAE ต่อไป