xs
xsm
sm
md
lg

WIIK ตั้งเป้ารายได้รวมปี 59 คาดโตไม่น้อยกว่า 20% เน้นสินค้ามาร์จิ้นสูง (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:

ผู้จัดการ 360 องศา - วิค แอนด์ ฮุคลันด์ ตั้งเป้ารายได้ปี 2559 คาดเติบโตไม่น้อยกว่า 20% ปรับกลยุทธ์การขายเน้นสินค้ามาร์จิ้นสูง พร้อมปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มกำลังการผลิต ลุยประมูลงานภาครัฐเพิ่ม ดัน Backlog ไม่น้อยกว่า 17,000 ตัน ทุ่มงบจ่อซื้อโรงกรองน้ำเพิ่ม คาดได้ข้อสรุปปลายไตรมาส 2

นายวิบูลย์ แสงวิทยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วิค แอนด์ ฮุคลันด์ หรือ WIIK กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 2559 ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ไม่น้อยกว่า 10-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,163.59 พันล้านบาท โดยจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งทำได้ 83 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทฯ จะเน้นกลยุทธ์การขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น ท่อวีโฮไลต์ อีกทั้งยังได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากการส่งออกไว้ที่ 25% จากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 20% เน้นประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน หรือ AEC ซึ่งมีมาร์จิ้นจากตัวสินค้าที่สูงกว่าการจำหน่ายในประเทศ เช่น ท่อวีโฮไลต์

“เป้าหมายการขายท่อรวมปีนี้ 17,000 ตัน โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายท่อแล้วกว่า 3,500 ตัน ซึ่งเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม งานในมือขณะนี้อยู่ที่ 7,000 ตัน ซึ่งจะทยอยรับรู้ในไตรมาสที่ 2 เข้ามาอีกไม่น้อยกว่า 3,000 ตัน อีกทั้งจะมีออเดอร์ที่จะเข้ามาใหม่ในช่วงไตรมาส 2 นี้ด้วยเช่นกัน”

ขณะที่ยอดขายไตรมาส 2 คาดว่า จะทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ที่มียอดขายกว่า 3,500 ตัน ซึ่งบริษัทมั่นใจว่า ยอดขายทั้งปีจะทำได้ 17,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 14,900 ตัน




ด้านแผนการลงทุนเพิ่มเติมในปีนี้นั้น บริษัทฯ เตรียมที่จะปรับปรุงกำลังการผลิตด้วยการซื้อเครื่องจักรใหม่ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 90 ล้านบาท ซึ่งจะส่งมอบได้ในเดือนมิถุนายน โดยหลังจากที่ปรับปรุงเครื่องจักรเรียบร้อยแล้วจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตท่อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอีกเป็น 27,500 ตัน/ปี จากเดิมที่ทำได้ 22,800 ตัน/ปี ส่วนแหล่งเงินทุนที่ในการปรับปรุงเครื่องจักรจะมากจากการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ซึ่งหากขายหมดจะได้รับเงิน จำนวน 225 ล้านบาท และบริษัทฯ ยังสามารถกู้ยืมเงินเพิ่มเติมจากสถาบันทางการเงินได้อีกกว่า 400 ล้านบาท

ในส่วนที่เกี่ยวกับงานภาครัฐนั้นบริษัทฯ เตรียมที่จะยื่นเสนอราคาในโครงการต่างๆ ไม่น้อยกว่า 10,000 ตัน โดยจะเน้นงานที่เกี่ยวเนื่องของการประปาส่วนภูมิภาคเป็นหลัก โดยบริษัทคาดหวังว่าจะสามารถได้งานอย่างน้อย 1/3 ของมูลค่างานที่เข้าประมูลทั้งหมด ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้ผลการประมูล และงานในมือเข้ามาตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ บริษัทฯ วางแผนที่จะซื้อสินทรัพย์เข้ามาเพิ่ม ได้แก่ โรงกรองน้ำขนาดกลาง มูลค่าเฉลี่ยต่อโรงที่ 200-300 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในช่วงของการพิจารณาคัดเลือกที่ตั้งที่มีความเหมาะสม โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายไตรมาส 2/59 นี้อย่างน้อย 1 แห่ง อย่างไรก็ดี การเข้าลงทุนโรงกรองน้ำดังกล่าวนั้น บริษัทฯ ได้คำนวณด้านอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่จะได้รับไว้ไม่น้อยกว่า 15% โดยการซื้อสินทรัพย์เข้ามาใหม่นั้นคาดว่าจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ในระยะเวลาประมาณ 7-8 ปี นอกจากนี้ หากมีสินทรัพย์ใดที่ต่อยอดธุรกิจและให้ผลตอบแทนที่ดีบริษัทฯ ก็จะมีการพิจารณาเลือกลงทุนเพิ่มเติมอีกในอนาคต

ด้านธุรกิจการบริหารจัดการน้ำที่ดำเนินงานโดย บริษัท วิค วอเตอร์ จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อยของ WIIK ซึ่งถือหุ้น 100% นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจารับงานบริหารจัดการน้ำทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน โดยคาดว่าจะสรุปรับงานอย่างน้อย 1 โครงการ ในช่วงไตรมาส 2/2559 และ IRR ไม่ต่ำกว่า 15% ต่อโครงการ ซึ่งบริษัทฯ คาดหวังว่าภายใน 5ปี จากนี้สัดส่วนรายได้จากการบริหารจัดการน้ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% ของรายได้รวมทั้งหมด โดยธุรกิจบริหารจัดการน้ำถือว่ามีมาร์จิ้นดีกว่าธุรกิจจำหน่ายท่อ

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะนำบริษัท วิค วอเตอร์ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในอนาคต โดยอยู่ในช่วงการพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 ปีนับจากนี้

กำลังโหลดความคิดเห็น