บมจ.วิค แอนด์ ฮุคลันด์ เพิ่มทุน PP จำนวน 75 ล้านหุ้น ราคา 3 บาท รวมเงินทั้งสิ้น 225 ล้านบาท หนุนความแข็งแกร่ง ลดข้อจำกัดการเติบโต ดันบริษัทขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในภูมิภาค พร้อมโชว์ผลงานปี 58 พลิกกำไร เอาใจผู้ถือหุ้นปันผลครั้งแรกในรอบ 7 ปี
นายวิบูลย์ แสงวิทยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิค แอนด์ ฮุคลันด์ จำกัด (มหาชน) หรือ WIIK เปิดเผยว่า การขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวนทั้งสิ้น 75 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 20% ของหุ้นทั้งหมด เสนอขายหุ้นละ 3 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 225 ล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่นักลงทุน 2 คน คือ นางมนทิรา ผดุงรัตน์ จำนวน 30 ล้านหุ้น และนายจิรายุ อัสสานุวงศ์ จำนวน 45 ล้านหุ้น ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้นดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นราคาต่ำตามเกณฑ์ราคาของสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และนักลงทุนทั้ง 2 รายดังกล่าวได้ชำระเงินค่าหุ้นให้แก่บริษัทครบ 225 ล้านบาทแล้ว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2559 นั้น บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ไม่ต่ำกว่า 20% โดย ณ วันสิ้นปี 2558 บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) จำนวน 7,327.95 ตัน ซึ่งคาดจะสามารถรับรู้รายได้ภายในปี 2559 ไม่น้อยกว่า 640 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55% ของยอดขายทั้งหมดของปี 2558 และในปี 2559 WIIK ยังได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานผลิตท่อประปา งานบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ รวมถึงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งในประเทศ และการขยายตัวของสาธารณูปโภคในประเทศเพื่อนบ้าน
โดยบริษัทกำหนดเป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตเฉลี่ยในปี 2559 เป็น 27,500 ตันต่อปี จากเดิม 22,800 ตันต่อปี และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเดิมเพื่อการผลิตท่อผนังเบาสองชั้น (Weholite) สำหรับงานท่อน้ำทิ้งลงทะเล ท่อระบายน้ำในโรงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่ ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ WIIK สามารถผลิตท่อ Weholite ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3,500 มม. ทำให้บริษัทสามารถผลิตท่อพีอีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เพิ่มศักยภาพในการรับงานท่อ Intake และ Outfall สำหรับโรงไฟฟ้า และ Petrochemical Chemical Complex ในอาเซียน และทำให้เพิ่มกำลังการผลิตท่อ Weholite ได้ 800 ตันต่อปี
นายวิบูลย์ กล่าวว่า บริษัทจะทำการติดตั้งพร้อมใช้งานในเดือนกรกฎาคม 2559 อีกทั้งยังมีการซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อรองรับการผลิตท่อ HDPE (W-HQ Pipe) ขนาดกลาง และขนาดเล็ก สำหรับงานท่อส่งน้ำ ท่อน้ำดื่ม ท่อระบายน้ำในโครงการขนาดเล็ก ซึ่งมีความต้องการในตลาดค่อนข้างมากในปัจจุบัน โดยจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 2,500 ตันต่อปี คาดว่าจะติดตั้งพร้อมใช้งานได้ในเดือนมิถุนายน 2559
นอกจากนี้ WIIK ยังมีการประสานความร่วมมือกับตัวแทนค้า และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิควิศวกรรมในต่างประเทศ เพื่อร่วมกันขยายตลาดเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รวมถึงยังมีแผนการลงทุนในธุรกิจบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทให้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในอนาคต โดยปัจจุบัน อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการลงทุน และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2559
นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า จากผลประกอบการของบริษัทที่เติบโต และพลิกกลับมามีกำไรในปี 2558 ทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ในอัตราหุ้นละ 0.11 บาท โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 มีนาคม 2559 และจะจ่ายเงินปันผลดังกล่าวแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 หลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว
นายวิบูลย์ แสงวิทยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิค แอนด์ ฮุคลันด์ จำกัด (มหาชน) หรือ WIIK เปิดเผยว่า การขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวนทั้งสิ้น 75 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 20% ของหุ้นทั้งหมด เสนอขายหุ้นละ 3 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 225 ล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่นักลงทุน 2 คน คือ นางมนทิรา ผดุงรัตน์ จำนวน 30 ล้านหุ้น และนายจิรายุ อัสสานุวงศ์ จำนวน 45 ล้านหุ้น ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้นดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นราคาต่ำตามเกณฑ์ราคาของสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และนักลงทุนทั้ง 2 รายดังกล่าวได้ชำระเงินค่าหุ้นให้แก่บริษัทครบ 225 ล้านบาทแล้ว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2559 นั้น บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ไม่ต่ำกว่า 20% โดย ณ วันสิ้นปี 2558 บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) จำนวน 7,327.95 ตัน ซึ่งคาดจะสามารถรับรู้รายได้ภายในปี 2559 ไม่น้อยกว่า 640 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55% ของยอดขายทั้งหมดของปี 2558 และในปี 2559 WIIK ยังได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานผลิตท่อประปา งานบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ รวมถึงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งในประเทศ และการขยายตัวของสาธารณูปโภคในประเทศเพื่อนบ้าน
โดยบริษัทกำหนดเป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตเฉลี่ยในปี 2559 เป็น 27,500 ตันต่อปี จากเดิม 22,800 ตันต่อปี และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเดิมเพื่อการผลิตท่อผนังเบาสองชั้น (Weholite) สำหรับงานท่อน้ำทิ้งลงทะเล ท่อระบายน้ำในโรงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่ ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ WIIK สามารถผลิตท่อ Weholite ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3,500 มม. ทำให้บริษัทสามารถผลิตท่อพีอีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เพิ่มศักยภาพในการรับงานท่อ Intake และ Outfall สำหรับโรงไฟฟ้า และ Petrochemical Chemical Complex ในอาเซียน และทำให้เพิ่มกำลังการผลิตท่อ Weholite ได้ 800 ตันต่อปี
นายวิบูลย์ กล่าวว่า บริษัทจะทำการติดตั้งพร้อมใช้งานในเดือนกรกฎาคม 2559 อีกทั้งยังมีการซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อรองรับการผลิตท่อ HDPE (W-HQ Pipe) ขนาดกลาง และขนาดเล็ก สำหรับงานท่อส่งน้ำ ท่อน้ำดื่ม ท่อระบายน้ำในโครงการขนาดเล็ก ซึ่งมีความต้องการในตลาดค่อนข้างมากในปัจจุบัน โดยจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 2,500 ตันต่อปี คาดว่าจะติดตั้งพร้อมใช้งานได้ในเดือนมิถุนายน 2559
นอกจากนี้ WIIK ยังมีการประสานความร่วมมือกับตัวแทนค้า และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิควิศวกรรมในต่างประเทศ เพื่อร่วมกันขยายตลาดเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รวมถึงยังมีแผนการลงทุนในธุรกิจบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทให้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในอนาคต โดยปัจจุบัน อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการลงทุน และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2559
นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า จากผลประกอบการของบริษัทที่เติบโต และพลิกกลับมามีกำไรในปี 2558 ทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ในอัตราหุ้นละ 0.11 บาท โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 มีนาคม 2559 และจะจ่ายเงินปันผลดังกล่าวแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 หลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว