การกำหนดราคาอ้างอิงของทองในรูปสกุลเงินหยวนของตลาดทองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไม่น้อยในหมู่นักลงทุนทองคำห นีไม่พ้นการที่จีนเริ่มเปิดใช้ราคาอ้างอิงของทองในรูปสกุลเงินหยวนในวันที่ 19 เม.ย.59 ที่ผ่านมา โดยราคาอ้างอิงได้จากการซื้อขายสัญญาทองขนาด 1 กิโลกรัม โดยผู้มีส่วนร่วม 18 ราย ในตลาดทองเซี่ยงไฮ้ (SGE) ซึ่งถือเป็นความพยายามอีกครั้งของจีนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญที่มีบทบาทในการกำหนดราคาทองคำในตลาดโลก จีนแซงอินเดียขึ้นมาเป็นผู้บริโภคทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ และการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนส่งผลกระตุ้นแรงซื้อเครื่องประดับ ทองคำแท่ง และเหรียญทองในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน

ขณะที่ธนาคารกลางจีน ยังเดินหน้าสำรองทองคำเพิ่มเติมเพื่อกระจายเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งจะเห็นว่า จีนมีศักยภาพทั้งในฐานะผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แผนการในการกำหนดราคาอ้างอิงของทองในรูปสกุลเงินหยวนวันละ 2 ครั้ง อาจถูกขัดขวางโดยนโยบายการควบคุมเงินทุนของจีน และคาดว่า ราคาอ้างอิงใหม่นี้อาจจะไม่ส่งผลลบต่อตลาดลอนดอนในทันที แต่หากเงินหยวนกลายเป็นสกุลเงินที่แปลงสภาพได้เต็มที่ ก็มีความเป็นไปได้ที่จีนจะมีส่วนในการกำหนดราคาทองคำได้ในอนาคต และสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดจากตลาดลอนดอน ซึ่งในปี 2015 ตลาดลอนดอน มีส่วนแบ่งในตลาดถึง 46.3% และถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางในการลงทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดของโลก

นอกจากนี้ แผนการเปิดใช้ราคาอ้างอิงของทองในรูปสกุลเงินหยวนยังเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันกลยุทธ์ในระยะยาวที่จีนต้องการขยายบทบาทของเงินหยวนให้เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่ใช้กันแพร่หลายในระหว่างประเทศ เนื่องจากจีนไม่ต้องการพึ่งพิงราคาในรูปสกุลเงินดอลลาร์ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ และจีนเชื่อว่าศักยภาพของจีนที่มีอยู่น่าจะทำให้จีนมีสิทธิในการกำหนดราคาทองคำในตลาดโลก เรียกได้ว่า เป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องติดตามในระยะยาว เนื่องจากจีนยังคงมีข้อจำกัดจากนโยบายระบบปิด อีกทั้งราคาอ้างอิงที่จะมีประสิทธิภาพสูงสุดต้องมาจากตลาดที่ปราศจากข้อจำกัด และเป็นอิสระเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้ในขณะนี้อาจยังไม่ส่งผลต่อราคาทองคำมากนัก

ขณะที่ในระยะสั้นๆ นักลงทุนยังคงต้องจับตานโยบายทางการเงินของธนาคารกลางชั้นนำของโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กำลังจะจัดการประชุมขึ้นในวันที่ 26-27 เมษายนนี้ เบื้องต้น คาดว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ย และส่งสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงเผชิญต่ออุปสรรค ซึ่งหากเฟดส่งสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำได้เช่นกัน