ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (กรุงศรี) รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/2559 ที่ 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.0% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.8% จากไตรมาส 4/2558 แม้ว่าจะเผชิญสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่ท้าทาย กอปรกับผลกระทบจากปัจจัยด้านฤดูกาลในการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการชำระคืนเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจขนาดใหญ่ ปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิ
ทั้งนี้ รายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 2.7% จากไตรมาส 4/2558 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้กู้ยืม ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจเช่าซื้อ และค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายประกัน ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 45.9% จาก 47.6% ในไตรมาส 4/2558 สะท้อนการเติบโตของรายได้ และประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3.81% เทียบกับ 3.82% ในไตรมาส 4/2558
ด้านเงินให้สินเชื่อลดลง 0.1% หรือจำนวน 1.3 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 จากการลดลงของเงินให้สินเชื่อในไตรมาส 1/2559 มาจากปัจจัยด้านฤดูกาลในการชำระคืนเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจขนาดใหญ่ และความต้องการสินเชื่อที่ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่สินเชื่อเพื่อรายย่อยเติบโตจากเงินให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ขณะที่เงินรับฝากลดลง 1.3% หรือจำนวน 13.8 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 2.28% ของเงินให้สินเชื่อรวม เมื่อเทียบกับ 2.24% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 โดยมีอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 142.9% เทียบกับ 140.6% ณ สิ้นปี 2558 และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 13.5%
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาส 1/2559 มาจากการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของธนาคารภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางในการเติบโต และเพิ่มสัดส่วนของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากต้นทุนทางการเงินที่ปรับดีขึ้น จากการปรับเพิ่มขึ้นของสัดส่วนเงินฝากต้นทุนต่ำ และยอดเงินรับฝากที่ลดลง
สำหรับแนวโน้มธุรกิจโดยรวมของธนาคารในระยะต่อไป ในภาวะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกเป็นการฟื้นตัวด้วยข้อจำกัด เราคาดว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการเร่งการใช้จ่ายภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตแข็งแกร่ง แม้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ การบริโภคจะฟื้นตัวโดยได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าเกษตรที่มีเสถียรภาพมากขึ้น การเติบโตของรายได้นอกภาคเกษตร และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล ขณะที่การเร่งเบิกจ่ายภาครัฐ และโครงการลงทุนจะเอื้อต่อการฟื้นตัวของการลงทุน ภายใต้สมมติฐานดังกล่าว ธนาคารคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 3.2% ซึ่งจะสนับสนุนต่อการขยายตัวของสินเชื่ออย่างครอบคลุมที่ 5-6% สำหรับปี 2559 อย่างไรก็ดี ธนาคารยังคงต้องระมัดระวังความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะช้ากว่าที่คาด ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ทั้งนี้ รายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 2.7% จากไตรมาส 4/2558 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้กู้ยืม ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจเช่าซื้อ และค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายประกัน ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 45.9% จาก 47.6% ในไตรมาส 4/2558 สะท้อนการเติบโตของรายได้ และประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3.81% เทียบกับ 3.82% ในไตรมาส 4/2558
ด้านเงินให้สินเชื่อลดลง 0.1% หรือจำนวน 1.3 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 จากการลดลงของเงินให้สินเชื่อในไตรมาส 1/2559 มาจากปัจจัยด้านฤดูกาลในการชำระคืนเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจขนาดใหญ่ และความต้องการสินเชื่อที่ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่สินเชื่อเพื่อรายย่อยเติบโตจากเงินให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ขณะที่เงินรับฝากลดลง 1.3% หรือจำนวน 13.8 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 2.28% ของเงินให้สินเชื่อรวม เมื่อเทียบกับ 2.24% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 โดยมีอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 142.9% เทียบกับ 140.6% ณ สิ้นปี 2558 และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 13.5%
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาส 1/2559 มาจากการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของธนาคารภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางในการเติบโต และเพิ่มสัดส่วนของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากต้นทุนทางการเงินที่ปรับดีขึ้น จากการปรับเพิ่มขึ้นของสัดส่วนเงินฝากต้นทุนต่ำ และยอดเงินรับฝากที่ลดลง
สำหรับแนวโน้มธุรกิจโดยรวมของธนาคารในระยะต่อไป ในภาวะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกเป็นการฟื้นตัวด้วยข้อจำกัด เราคาดว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการเร่งการใช้จ่ายภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตแข็งแกร่ง แม้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ การบริโภคจะฟื้นตัวโดยได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าเกษตรที่มีเสถียรภาพมากขึ้น การเติบโตของรายได้นอกภาคเกษตร และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล ขณะที่การเร่งเบิกจ่ายภาครัฐ และโครงการลงทุนจะเอื้อต่อการฟื้นตัวของการลงทุน ภายใต้สมมติฐานดังกล่าว ธนาคารคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 3.2% ซึ่งจะสนับสนุนต่อการขยายตัวของสินเชื่ออย่างครอบคลุมที่ 5-6% สำหรับปี 2559 อย่างไรก็ดี ธนาคารยังคงต้องระมัดระวังความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะช้ากว่าที่คาด ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป