xs
xsm
sm
md
lg

KTB-BAY กำไรเพิ่ม - TCAP วูบเร่งกันสำรอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรุงไทยแจ้งกำไรไตรมาส 2 จำนวน 7.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.7% กรุงศรีฯกำไร 3,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% และธนชาตกำไรวูบเหลือ 1.2 พันล้านบาท เร่งกันสำรองฯเพิ่ม

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB)แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 7,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 15.7% ขณะที่กำไรครึ่งปีแรกมีจำนวน 15,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 4.7%

นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB)เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสปีก่อนว่า ธนาคารมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากธุรกิจหลักของธนาคาร โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเท่ากับ 17,525 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.60 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการขยายสินเชื่อและอัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ และมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ 7,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.71 ทำให้ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงาน ก่อนกันสำรองและภาษีเงินได้จำนวน 14,447 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.26

ทั้งนี้ ธนาคารได้ปรับนโยบายการกันเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มจากเดือนละ 500 ล้านบาท เป็น 700 ล้านบาท และจากการเติบโตที่ดีของกำไรจากการดำเนินงาน ธนาคารยังได้กันสำรองเพิ่มเป็นพิเศษอีก 3,000 ล้านบาท ทำให้ในงวดครึ่งปีแรกนี้ ธนาคารตั้งสำรองรวมจำนวน 7,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.87 ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มจากร้อยละ 109.47 ณ สิ้นปี 2556 เป็นร้อยละ 113.06 เพื่อให้เหมาะสมกับจำนวนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และเป็นการสร้างความแข็งแกร่งของธนาคารที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อไป

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,810,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2556 จำนวน 98,963 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.78 และมียอดเงินฝากจำนวน 1,867,456 ล้านบาท ลดลง 16,325 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.87 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) จำนวน 62,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 5,585 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.89 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากลูกค้า SME ขนาดเล็กและลูกค้ารายย่อยบางส่วน ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวลง รวมทั้งหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น โดยธนาคารมีนโยบายในการดูแลอย่างใกล้ชิด

BAY กำไรโต 14%

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) แจ้งกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2557 ที่ 3,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 6,726 ล้านบาท ลดลง 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6.0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2557 โดยเงินให้มีสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจำนวน 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนธันวาคม 2556 และเพิ่มขึ้น 0.7% หรือคิดเป็นจำนวน 6.2 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2557 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 4.31% และเอ็นพีแอลลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.92% เมื่อเทียบกับ 2.97% ในไตรมาส 1 ปี 2557

นายโนริอากิ โกโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 เราคาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอันเป็นผลจากการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อการเติบโตต่อเนื่องของธนาคารและบริษัทในเครือทั้งในด้านสินเชื่อและรายได้จากค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น กอปรกับปัจจัยด้านฤดูกาลที่สนับสนุนให้มีความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคและสินเชื่อภาคธุรกิจ กรุงศรีฯจึงคงเป้าการเติบโตของสินเชื่อของทั้งปีอยู่ที่ 7-9%”

TCAP กำไรวูบกันสำรอง

บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP)แจ้งกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2557 ที่ระดับ 1,235 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 4,078 ล้านบาท รวม 6 เดือนแรกของปี 2,558 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 6,031 ล้านบาท

นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) กล่าวถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2557 ว่า กำไรก่อนตั้งสำรองในไตรมาสนี้มีจำนวน 5,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 332 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.65 มาจากทั้งการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย และประสิทธิภาพในการควบคุมค่าใช้จ่าย แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ส่งผลกระทบในการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น เป็นผลให้กำไรสุทธิปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 2,491 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทจำนวน 1,235 ล้านบาท ลดลง 88 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.65

ขณะที่ นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ในไตรมาส 2 ปี 2557 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 2,347 ล้านบาท ลดลง 208 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.13 จากไตรมาสก่อน แต่อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนการตั้งสำรองมีจำนวน 5,211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 235 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.72 เป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้น และการบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่สินเชื่ออื่นๆที่ไม่ใช่สินเชื่อเช่าซื้อยังคงขยายตัวดี ถึงแม้ว่าสินเชื่อเช่าซื้อหดตัวลง
กำลังโหลดความคิดเห็น