บิ๊กบอส ช.ทวี ไม่สนข้อพิพาทฟ้องร้องกับ ขสมก. คาดคดียุติภายใน 1 ปี พร้อมเดินหน้าจ่อประมูลรถเมล์ NGV งวดใหม่กว่า 3,500 คัน ในเดือนพฤษภาคมนี้ เตรียมเดินหน้าลุยงานกลาโหมเพิ่ม
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ช.ทวี ดอลลาเซียน หรือ CHO กล่าวถึงแผนงานธุรกิจของบริษัทในปีนี้ว่า ขณะนี้บริษัทได้เตรียมเข้าร่วมประมูลรถโดยสารสาธารณะรุ่นใหม่ ซึ่งใช้เชื้อเพลิง NGV ซึ่งเตรียมที่จะมีการประมูลรอบใหม่ จำนวน 3,500 คัน ซึ่งเป็นรถเมล์รุ่นใหม่ทั้งหมด โดยคาดว่าจะทราบความชัดเจนในเดือนพฤษภาคมนี้
ส่วนกรณีการฟ้องร้อง ต่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. นั้น ขณะนี้อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งอยู่ที่ดุลพินิจตามกระบวนการศาล แต่คาดว่าจะสามารถตัดสินเสร็จภายใน 1 ปี
ขณะที่งานที่เกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ทางการทหารนั้น ขณะนี้บริษัทฯ ได้เตรียมที่จะเข้าเสนองานต่อทางกระทรวงกลาโหม โดยประเมินมูลค่างานคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้าน นอกจากนี้ บริษัทฯ อเตรียมที่เจรจาต่อสัญญางานเพิ่มเติมในส่วนของกองทัพเรือในเดือนพฤษภาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของงานในมือ หรือ Backlog ของบริษัทฯ ในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะได้งานอีกไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท ตามเป้าหมายการเติบโตของรายได้ทั้งปีที่ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 10% เทียบจากสัดส่วนรายได้ของปี 2558 ซึ่งมีรายได้ 1,158.79 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของ Net Margin ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะกลับมาอยู่ที่ประมาณ 6-7% เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 3.08% เนื่องจากบริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เน้นงานที่มี Net Margin สูงเป็นหลัก
ขณะที่ในส่วนของการขยายพื้นที่งานให้บริการ บริษัทมีแผนที่จะเปิดศูนย์ซ่อมอย่างครบวงจรใหม่อีกอย่างน้อย จำนวน 2 แห่ง โดยใช้งบลงทุน จำนวน 120 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งหมด 200 ล้านบาท คือ ที่ชลบุรี 1 แห่ง ส่วนอีก 1 แห่ง อยู่ในระหว่างการพิจารณาหาพื้นที่ที่เหมาะสม ส่วนงบลงทุนอีก 80 ล้านบาท จะใช้ในการวิจัย และพัฒนาสินค้าที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมขนส่ง และลอจิสติกส์
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแนวโน้มรายได้ไตรมาส 1/2559 บริษัท ประเมินว่า ใกล้เคียงไตรมาส 1/2558 ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 199.84 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักยังคงมาจากการที่เศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงชะลอตัว
ส่วนแผนการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ เตรียมที่จะไปลงทุนยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา และพม่า ซึ่งรูปแบบการลงทุนนั้นจะมีทั้งการเข้าไปลงทุนเอง และหาพันธมิตรร่วมทุน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ในช่วงของการศึกษาข้อมูลที่เหมาะสมเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้นในการเข้าไปลงทุน เพราะแต่ละประเทศนั้นมีข้อกฎหมายที่แตกต่างกัน
