xs
xsm
sm
md
lg

ถอดบทเรียนคดีรักษา “น้องหมิว” ชงมีแพทย์เชี่ยวชาญในศาล พยานไม่ใช่หมอทั่วไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หมอ-นักกฎหมาย เห็นร่วมคดีทางการแพทย์ไม่ควรเป็นคดีผู้บริโภค ชงมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศาลช่วยพิจารณาคดียุติธรรม เล็งหารือแพทยสภา ทำบัญชีหมอผู้เชี่ยวชาญให้ศาล หลังพบใช้หมอไม่ตรงสาขาให้ข้อมูล

หลังจากศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้ นายมนูญ และนางเยาวภา ทินนึ่ง บิดา และมารดาของ ด.ญ.กนกพร ทินนึ่ง หรือน้องหมิว ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หลังเกิดความพิการจากการเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.เลย เมื่อปี 2547 ชนะคดี โดยให้ สธ.ชดใช้ 2 ล้านบาท ดอกเบี้ย 7.5% นับจากวันฟ้อง

วันนี้ (19 เม.ย.) มีการสัมมนาหลักกฎหมายการแพทย์ เรื่องกรณีศึกษาคดีแพทย์รักษาน้องหมิว จัดโดยสหพันธผูปฏิบัติงานดานการแพทยและสาธารณสุขแหงประเทศไทย (สผพท.) สมาคมพิทักษสิทธิขาราชการ สหภาพพยาบาลแหงประเทศไทย และกลุมพิทักษสิทธิพลเมือง พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ประธานสหพันธผูปฏิบัติงานดานการแพทยและสาธารณสุขแหงประเทศไทย กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากบริการทางการแพทย์ หากจะมองว่าความผิดเกิดจากส่วนใดได้บ้างนั้น มี 3 ส่วน คือ 1.พ่อแม่ ที่ไม่รักษาสุขภาพลูก และตัวเอง เมื่อไปโรงพยาบาลแล้วไม่บอกประวัติให้ละเอียด ตรงนี้พ่อแม่ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย 2.ระบบบริการสาธารณสุขที่ไม่มีความพร้อม เช่น บุคลากรทางการแพทย์มีน้อย ไม่เพียงพอ ตรงนี้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องรับผิดชอบ ต้องแก้ระบบให้ได้ รวมถึงต้องกระตุ้นให้ประชาชนดูแลสุขภาพตัวเอง สามารถดูแลยามเจ็บป่วยเบื้องต้นได้ และรู้ว่าเจ็บป่วยระดับใดแล้วถึงมาพบแพทย์ ซึ่งจะเห็นได้ว่า รพ.รัฐคนไข้ล้นมาก ทำให้แพทย์มีเวลาพูดคุยอธิบายกับผู้ป่วยน้อย ขณะที่ รพ.เอกชนนั้นแพทย์มีเวลาอธิบายมากกว่า การฟ้องร้องความเสียหายทางการแพทย์จึงน้อยกว่า

พญ.เชิดชู กล่าวว่า และ 3.บุคลากรทางการแพทย์กระทำโดยประมาทหรือไม่ ผิดมาตรฐานหรือไม่ ตรงนี้จะมีสภาวิชาชีพในการกำกับดูแล ทั้งนี้ การพิจารณาคดีทางการแพทย์นั้น เสนอว่าควรมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศาล หรือควรแก้กฎหมายให้การพิจารณาคดีทางการแพทย์นั้น ในการสืบพยานจะต้องมีพยานที่น่าเชื่อถือทั้งฝ่ายโจทก์ และจำเลย ต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นมาเป็นพยาน ไม่ใช่แพทย์ทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ สผพท.จะมีการหารือกับแพทยสภาจัดทำบัญชีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาตามข้อมูลของราชวิทยาลัยต่างๆ ในการเป็นผู้ให้ข้อมูลในศาลด้วย เพราะที่ผ่านมา พบว่ามีการใช้แพทย์ที่ไม่ตรงสาขา

“ไม่มีใครอยากเกิดข้อพิพาทเกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว มองว่าการพิจารณาคดีทางการแพทย์นั้นควรมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศาล นอกจากนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า บุคลากรทางการแพทย์ของไทยมีจำกัด จึงจำเป็นต้องมีการปรับกฎระเบียบการรับบริการทางการแพทย์ โดยหากประชาชนเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องมาโรงพยาบาลขนาดใหญ่ แต่หากเจ็บป่วยมากจึงมาได้ตามสิทธิ ซึ่งหากใครไม่ปฏิบัติก็สามารถไปรักษาที่ รพ.เอกชน เสียค่ารักษาพยาบาลเอง เป็นต้น ซึ่งในต่างประเทศมีการดำเนินการลักษณะนี้อยู่” พญ.เชิดชู กล่าว

ด้าน รศ.พล.ต.หญิง พญ.ฤดีวิไล สามโกเศศ กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ รพ.พระมงกุฏเกล้า กล่าวว่า กรณีแพทย์ที่ทำการรักษาน้องหมิว ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ต่างให้ความเห็นว่าได้ทำการรักษาถูกต้องตามมาตรฐานแล้ว การที่ผู้ป่วยมาด้วยอาการปอดอักเสบนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ไมโครพลาสมา และวัณโรค การรักษาด้วยการให้ยาต้านแบคทีเรียก่อนนั้นถือว่าถูกต้อง เพราะเชื้อแบคทีเรียแบ่งตัวเร็ว และอาจทำให้เสียชีวิตเร็ว ซึ่งหากรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้นจึงค่อยมาพิจารณาถึงสาเหตุอื่น อย่างวัณโรค ซึ่งมีการแบ่งตัวของเชื้อช้ากว่า และการให้ยานั้นก็มีอันตราย จึงเห็นด้วยที่การพิจารณาคดีทางการแพทยนั้นควรมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นๆ ในศาล และพยานก็ต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคนั้นด้วย นอกจากนี้ การพิจารณาคดีทางการแพทย์ไม่สมควรอยู่ในคดีผู้บริโภค และไม่ใช่คดีอาญา เพราะแพทย์ไม่ได้รับจ้างทำของ แต่เป็นการบำบัดรักษา

ศ.อมร จันทรสมบูรณ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า คดีทางการแพทย์นั้นไม่ควรเป็นพิจารณาอย่างคดีผู้บริโภค เพราะแพทย์เป็นวิชาชีพที่มีกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแลด้านจริยธรรม จรรยาบรรณอยู่แล้ว การใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยคดีจึงต้องใช้บุคคลที่มีความรู้ทางการแพทย์ที่เป็นกลาง ไม่ใช่บุคคลธรรมดา ซึ่งประเทศไทยหลายครั้งก็ยังไม่เป็นไปตามแนวทางนี้

นพ.โสภณ เมฆธน ปลัด สธ.กล่าวว่า ปัญหามีหลายปัจจัย การแก้ไขก็ต้องทำอย่างเป็นระบบ อย่างเรื่องระบบการดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วย มีการวางระบบประเมิน ซึ่งมีทุก รพ. ขณะเดียวกัน ใน รพ.แต่ละแห่งจะมีศูนย์ไกล่เกลี่ยกรณีเหล่านี้ และล่าสุด ส่วนกลางกำลังจัดระบบผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อให้คำแนะนำแพทย์ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีการดำเนินการ แต่ขณะนี้จะทำให้เป็นภาพรวมมากยิ่งขึ้น

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น