กรมสรรพากร ชี้แจงหลักเกณฑ์การนำค่าใช้จ่ายช่วงเทศกาลสงกรานต์มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 15,000 บาท ประกอบด้วย ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าที่พักและค่าบริการท่องเที่ยว
นายสมชาย แสงรัตนมณีเดช รองอธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ที่กำหนดให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำรายจ่ายมาหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ ต้องซื้อสินค้า หรือรับบริการ และชำระราคาค่าสินค้า หรือบริการดังกล่าวในระหว่างวันที่ 9 เมษายน ถึงวันที่ 17 เมษายน 2559 จากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และต้องมีหลักฐานการซื้อสินค้า หรือรับบริการเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร
สำหรับค่าใช้จ่ายที่นำมาเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประกอบด้วย 1) ค่าอาหาร และเครื่องดื่ม แต่ไม่รวมถึงการซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม 2) ค่าบริการที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือ 3) ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม
“มาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภค และท่องเที่ยวภายในประเทศ เพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม อันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนกลับไปเยี่ยมบุพการี และญาติผู้ใหญ่อันแสดงถึงความรัก ความกตัญญู และความเอื้ออาทรที่มีต่อกันในครอบครัวซึ่งคนไทยได้ยึดถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาตามประเพณีเดิมของไทย”
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ โดยให้บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีการจัดโครงการอบรมสัมมนาภายในประเทศให้แก่ลูกจ้าง ทั้งกรณีที่ดำเนินการเอง และกรณีจ้างผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ สามารถนำรายจ่ายจากการจ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรายจ่ายที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว นำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีได้เป็นจำนวน 2 เท่าของที่จ่ายจริง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559
ส่วนผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการจ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ หรือที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ นำมาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559