ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดมาตรการกระตุ้น ศก.รอบ 3 และงบกลางปีอัดเข้าระบบ 6.55 หมื่นล้าน ช่วยจีดีพีเติบโตเพิ่มได้อีก 0.50% ส่วนกรณีที่คนมองว่าการแจกเงิน ขรก.และผู้มีรายได้น้อยจะคล้ายกับนโยบายประชานิยมในอดีตนั้น อาจทำได้ในช่วงที่ ศก.ยังไม่ปกติ และต้องใช้การอัดฉีดจากภาครัฐเพื่อให้เงินหมุนเร็วขึ้น
นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 3 ที่รัฐบาลเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีให้อนุมัติ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ โดยระบุว่า จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่มาก โดยมาตรการกิน ท่องเที่ยวช่วยชาติช่วงสงกรานต์ที่ให้ประชาชนนำใบกำกับภาษีมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท คาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 5,000 ล้านบาท จากการลดหย่อนภาษี
ส่วนการจ่ายเงินโบนัสราชการประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาทนั้น หากเงินมาจากงบประมาณปี 2559 ที่มีอยู่แล้วเป็นการดึงเงินงบประมาณจากบางโครงการ เช่น กองทุนหมู่บ้านที่ยังไม่ได้มีการเบิกจ่ายออกมาใช้ก่อน ผลกระตุ้นอาจจะมีไม่มาก
นายเชาวน์ กล่าวว่า คาดหวังจากโครงการบ้านประชารัฐที่มีการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการไปสร้างที่อยู่อาศัย (Prefinance) วงเงิน 30,000 ล้านบาท หากผู้ประกอบการสนใจร่วมโครงการจำนวนมาก คาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ได้ประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินสำคัญที่จะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจมาก คือ งบกลางปี จำนวน 56,283 ล้านบาท ที่จะเริ่มเบิกจ่ายได้ในช่วงเมษายนนี้ เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ก่อสร้างมอเตอร์เวย์ หากรัฐบาลสามารถเบิกจ่ายได้ร้อยละ 70 หรือประมาณ 40,000 ล้านบาท จะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้มาก ดังนั้น เมื่อรวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และงบกลางปีแล้ว คาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2559 ได้ประมาณ 65,500 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.50 ของจีดีพี
นายเชาวน์ กล่าวว่า กรณีที่หลายคนมองว่าการแจกเงินข้าราชการ และผู้มีรายได้น้อยจะคล้ายนโยบายประชานิยมที่เคยทำมาในอดีต เช่น เช็คช่วยชาตินั้น มองว่าในภาวะที่เศรษฐกิจไทยไม่ปกติ จำเป็นต้องพึ่งพาแรงอัดฉีดเม็ดเงินจากภาครัฐเพื่อให้เงินหมุนเร็วขึ้น โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีกำลังซื้อ ซึ่งบางประเทศก็ดำเนินนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน แต่ไทยถือว่าฐานะการคลังดีกว่าหลายประเทศ เพราะระดับหนี้สาธารณะไม่สูงมาก จึงยังมีช่องทางสามารถใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจได้