ก.ล.ต.เปิดไฟเขียวให้ บมจ.ชีวาทัย เริ่มนับระยะเวลาแบบแสดงรายการ หรือไฟลิ่งต่อไป หลังได้ชี้แจงข้อมูลที่ชัดเจนแล้ว คาดภายหลังแบบไฟลิ่งมีผลใช้บังคับ พร้อมเสนอขาย IPO จำนวน 262 ล้านหุ้น และเดินหน้าเข้าจดทะเบียนซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้น mai คาดเทรดทันภายในเดือนเมษายนนี้
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ชีวาทัย เปิดเผยว่า หลังจากได้ชี้แจงข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ ก.ล.ต.จึงได้อนุมัติให้ บมจ.ชีวาทัย นับระยะเวลาแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) อีกครั้ง ทั้งนี้ หลังจาก ก.ล.ต.อนุมัติให้เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และแบบไฟลิ่งมีผลใช้บังคับแล้ว ทางที่ปรึกษาทางการเงิน จะร่วมกับ บมจ.ชีวาทัย กำหนดวันเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 262 หุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในเดือนเมษายนนี้
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บมจ.ชีวาทัย มีทุนจดทะเบียน 750 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 750 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนที่ชำระแล้วทั้งหมด 488 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้น IPO อีก 262 ล้านหุ้น โดยชีวาทัยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืม และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บมจ.หลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวต่อว่า บมจ.ชีวาทัย เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเพื่อที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมทั้งที่เป็นอาคารสูง (High Rise) และอาคารไม่เกิน 8 ชั้น (Low Rise) โดยเน้นทำเลในแหล่งชุมชนที่มีศักยภาพ และคมนาคมสะดวก นอกจากนี้ ยังเป็นผู้พัฒนาโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะในเขตอีสเทิร์น ซีบอร์ด เพื่อรองรับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมทั้งชาวไทย และต่างชาติ
โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 บมจ.ชีวาทัย มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย และโครงการโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าทั้งที่พัฒนาแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการพัฒนารวมทั้งสิ้น 8 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 7 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 6,870 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่พัฒนาแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการขาย 6 โครงการ เช่น โครงการชีวาทัย รามคำแหง จำนวน 535 ยูนิต มียอดขาย 93% โครงการฮอลล์มาร์ค งามวงศ์วาน จำนวน 792 ยูนิต มียอดขาย 53% โครงการชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ จำนวน 279 ยูนิต มียอดขาย 82% ฯลฯ และมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 1 โครงการ คือ โครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ จำนวน 172 ยูนิต มียอดขาย 20% ส่วนอีก 1 โครงการ เป็นโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า จำนวน 10 ยูนิต บนที่ดิน 26 ไร่เศษ ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ และมีผู้เช่า 40% นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคตอีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,322 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด ในทำเลรังสิต-คลอง 1 โครงการคอนโดมิเนียมใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางหว้า และโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าโครงการ 2 ภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง
ส่วนในการดำเนินธุรกิจ บมจ.ชีวาทัย มีจุดแข็งในด้านพันธมิตร โดยมี TEE Development Pte Ltd ในเครือ TEE Land Ltd. ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และการทำตลาด ถือหุ้นในสัดส่วน 49% จึงเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขัน เพื่อผลักดัน “ชีวาทัย” ก้าวสู่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในระดับอาเซียน