เจ.ดี.พูลส์ฯ เผยทุ่มงบ 200 ล้านบาท ลงทุนโรงงานผลิตสระว่ายน้ำพื้นที่ 10,000 ตร.ม. บนเนื้อที่ 12 ไร่ ปรับโครงสร้างจากผู้นำเข้าเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย พร้อมปรับระบบบริหารเป็นระบบแฟรนไชส์ แจงปี 58 ยอดขาย 800 ล้านบาท วางเป้าปี 59 โต 20% ยอดขาย 1,000 ล้านบาท ชี้ปัจจัยความสำเร็จตลาดในและต่างประเทศตอบรับดี ระบุเศรษฐกิจชะลอไม่กระทบธุรกิจ เล็งขยายสาขาในประเทศ 3-4 สาขา ต่างประเทศ 3 สาขา
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เจ.ดี.พูลส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายสระว่ายน้ำ กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ จากเดิมที่เป็นผู้นำเข้าสระว่ายน้ำและอุปกรณ์เพื่อจำหน่าย สู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอง โดยได้ใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาทในการก่อสร้างโรงงาน 10,000 ตารางเมตร บนพื้น 12 ไร่ ทำให้ปัจจุบันมีกำลังผลิตที่ 1,500-2,000 ลูกต่อปี และมียอดขายต่อปีที่ 1,000-1,200 ลูกต่อปี ขณะนี้บริษัทยังมีกำลังการผลิตเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง และมีแผนจะขยายสายการผลิตเพิ่มบนพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร โดยจะใช้งบในการลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อรองรับการเพิ่มกำลังผลิตให้สามารถผลินสินค้าเก็บเป็นสต๊อกรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดรวมสระว่ายน้ำในประเทศยังมีทิศทางการขยายตัวที่ดี แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังมีปัญหา แต่เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่มตลาดบน ทำให้ที่ผ่านมา ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น โดยในปีนี้ 58 ที่ผ่านมา ตลาดสระว่ายน้ำมีมูลค่ารวมประมาณ 4,600 ล้านบาท ส่วนปี 59 นี้ คาดว่าตลาดจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% โดยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท ขณะที่ในปีก่อนหน้าบริษัทมีรายได้จากการขายรวม 800 ล้านบาท ส่วนในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเติบโตเพิ่ม 20% หรือมียอดขายที่ 1,000 ล้านบาท
“ตลาดสระว่ายน้ำยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เนื่องจากสระว่ายน้ำกลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งที่บ่งบอกความทันสมัย สะท้อนถึงฐานะ กอปรกับเทรนด์ดูแลสุขภาพที่กำลังมาแรงได้ส่งผลดีต่อตลาดสระว่ายน้ำอย่างมาก นอกจากนี้ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งโรงแรม รีสอร์ต และโครงการพักอาศัยก็จำเป็นต้องมีสระว่ายน้ำเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เพื่ออัปเกรดให้มีความเป็นพรีเมียม และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่โครงการอีกทางหนึ่ง ปัจจัยบวกอีกประการที่เอื้อต่อการเติบโตของตลาดสระว่ายน้ำคือ ปัจจุบันราคาของสระว่ายน้ำถูกลงกว่าในอดีต และธนาคารจัดหมวดหมู่สระว่ายน้ำเป็นของตกแต่งบ้าน ผู้บริโภคสามารถกู้สร้างสระพร้อมบ้านได้ด้วย ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของสระว่ายน้ำได้ง่ายขึ้น”
นายธนูศักดิ์ กล่าวว่า เจ.ดี.พูลส์ วางกลยุทธ์การตลาดในการผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าไว้ 3 ส่วน คือ 1.ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้กว้างขึ้น เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาด และเพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้าเดิม เช่น หุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ ผ้าปิดคลุมสระว่ายน้ำเพื่อความปลอดภัย การออกแบบสระว่ายน้ำลายกระเบื้อง ระบบเกลือฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำแทนคลอรีน 2.การขยายโชว์รูมในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งในปีนี้มีแผนขยายสาขาแฟรนไชส์เพิ่ม 4-5 จังหวัด และ 3. การขยายตลาดต่างประเทศในกัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย โดยปัจจุบัน เจ.ดี.พูลส์ มีสาขาในประเทศ 19 สาขา และมีสาขาในต่างประเทศ 6 สาขา โดยมีส่งออกอยู่ที่ 10% ของรายได้รวม
ในส่วนของกิจกรรมทางการตลาดปีนี้จะเน้นออกบูทงานแฟร์ต่างๆ เพื่อแนะนำบริษัท และผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้ง 2 กลุ่มคือ กลุ่มลูกค้าทั่วไป ที่ต้องการติดตั้งสระว่ายน้ำภายในบ้าน และกลุ่มนักลงทุน ได้แก่ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม รีสอร์ต พูลวิลลา หมู่บ้าน และคอนโดฯ แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าบ้านทั่วไป 80% และโรงแรม รีสอร์ต 20%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังก่อตั้งบริษัท พูล โปรแอนด์แล็บ จำกัด เพื่อเป็นศูนย์บริการ และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสระว่ายน้ำ และการดูแลปรับสภาพน้ำในสระผ่านแล็บ ด้วยเครื่องมือ และนวัตกรรมการตรวจสอบคุณภาพน้ำ Smart Water Scanning และพิมพ์รายงานคุณภาพน้ำ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ปรับคุณภาพน้ำ และรับบริการดูแลสระว่ายน้ำทุกประเภท