xs
xsm
sm
md
lg

ซีพีเอฟเดินหน้าอนุรักษ์และใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินหน้ามาตรการอนุรักษ์และใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพในทุกหน่วยงาน พร้อมปันน้ำให้เกษตรกรพืชสวนพืชไร่รอบโรงงานแปรรูปและฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ช่วยลดผลกระทบภัยแล้ง

นายสุชาติ วิริยะอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากการติดตามข้อมูลน้ำอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการสำรวจ และรวบรวมข้อมูลการใช้น้ำของชุมชนรอบข้าง ทั้งภาคครัวเรือน ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่แหล่งน้ำเดียวกัน และได้นำเครื่องมือที่เป็นสากลมาใช้ประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยงด้านน้ำได้อย่างเหมาะสม เช่น เครื่องมือของ World Business Council for Sustainable Development (WBCSD) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการขาดน้ำสำหรับการผลิต และช่วยลดผลกระทบต่อชุมชน

ขณะเดียวกัน บริษัทมีมาตรการเตรียมความพร้อมตั้งแต่การหาแหล่งน้ำสำรองที่เชื่อถือได้ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในทุกขั้นตอนให้ดียิ่งขึ้น การวางแผนการใช้น้ำให้สอดคล้องต่อแผนการผลิต จัดทำแผนฉุกเฉินหากเกิดภาวะขาดแคลนน้ำเพื่อไม่ให้ธุรกิจหยุดชะงัก และไม่กระทบต่อชุมชนรอบข้าง และประสานติดตามข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

ซีพีเอฟ ยังนำน้ำที่ผ่านระบบบำบัดซึ่งมีคุณภาพตามกฎหมายที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด กลับมาใช้ในส่วนอื่นๆ นอกกระบวนการผลิตในโรงงาน เช่น รดต้นไม้ และสนามหญ้า ใช้ทำความสะอาดพื้นบริเวณรอบโรงงาน เช่น พื้นถนน ลานจอดรถ และใช้ในระบบชะล้างในห้องน้ำ ซึ่งเป็นการอนุรักษ์น้ำตามแนวทางการใช้ซ้ำ (Reuse) ช่วยลดการนำน้ำดิบจากแหล่งธรรมชาติมาใช้ และกำลังศึกษาเทคโนโลยีการบำบัดน้ำที่ช่วยให้โรงงานสามารถนำน้ำหลังบำบัดกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตได้อีก

นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า โรงงานแปรรูปได้แบ่งปันน้ำหลังการบำบัดให้แก่เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าว และปลูกพืชผักในชุมชนรอบข้างโรงงาน ขณะเดียวกัน ยังมอบน้ำดิบที่โรงงานผลิตได้ให้ชุมชนในยามวิกฤติแล้ง ล่าสุด โรงงานแปรรูปเนื้อไก่นครราชสีมา สนับสนุนงบประมาณในการติดตั้งท่อประปาแก่ชุมชนหมู่ที่ 2 ต.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างยั่งยืน

ด้าน นายสมพร เจิมพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ กล่าวว่า ฟาร์มสุกรทุกแห่งของซีพีเอฟ และฟาร์มของเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงสุกร ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมจึงไม่ประสบปัญหาภัยแล้ง ขณะเดียวกัน ได้จัดทำโครงการอนุรักษ์น้ำ และใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้นวัตกรรม “ส้วมน้ำ” ที่ช่วยแบ่งแยกจุดขับถ่ายในคอกเลี้ยงสุกรทำให้พื้นคอกสะอาด ช่วยลดการใช้น้ำในการล้างคอก ขณะเดียวกัน น้ำในส้วมน้ำเข้าสู่ระบบไบโอแก๊สเพื่อบำบัดของเสียเกิดเป็นแก๊สชีวภาพใช้ในการปั่นไฟกลับมาใช้ในฟาร์ม

นอกจากนี้ หลังกระบวนการบำบัดน้ำด้วยไบโอแก๊สแล้ว ยังได้ “น้ำปุ๋ย” ซึ่งเป็นน้ำที่ออกจากระบบไบโอแก๊ส และผ่านการบำบัดจนมีคุณภาพมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับนำไปใช้รดต้นไม้ และแปลงผักปลอดสารที่ปลูกภายในฟาร์ม ทำให้มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี พนักงานได้รับประทานผักคุณภาพดี และมีรายได้เสริมจากการขายผักเข้าโรงครัวของฟาร์ม ตลอดจนนำน้ำที่บำบัดแล้วมาผ่านการฆ่าเชื้ออีกครั้งเพื่อใช้ในการล้างเล้าทดแทนการใช้น้ำดี โครงการนี้ทำให้สายธุรกิจสุกรสามารถลดการใช้น้ำในส่วนดังกล่าวลงปีละ 5% ในปี 2015 สามารถประหยัดน้ำได้ถึง 750,000 คิว คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท

นายสมพร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันซีพีเอฟมีมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้เพาะปลูกพืชในบริเวณรอบฟาร์ม ด้วยการแบ่งปัน “น้ำปุ๋ย” เพื่อนำไปรดไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง สวนยางพารา สวนผลไม้ สวนกล้วย ไไผ่ตง และหญ้าขนเลี้ยงวัวชน ช่วยบรรเทาความเดือนร้อน และยังช่วยเพิ่มผลผลิตจากคุณภาพของน้ำที่มีแร่ธาตุที่พืชต้องการ ทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนิเซียม และโซเดียม

“ผลการตรวจคุณภพของน้ำปุ๋ยในห้องปฏิบัติการ พบว่า มีแร่ธาตุที่พืชต้องการอยู่มาก โดยเฉพาะโพแทสเซียม ที่มีสูงถึง 297 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร และมีไนโตรเจน ถึง 154 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร ทำให้พืชที่ได้รับน้ำปุ๋ยเติบโตเร็ว และได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น มีคุณภาพดีขึ้น และช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี ซีพีเอฟภูมิใจที่มีส่วนช่วยลดผลกระทบจากภัยแล้งในช่วงฤดูแล้งของทุกปีให้แก่เกษตรกรมานานกว่า 10 ปี” นายสมพร กล่าว

นายสมพร ยังแนะนำการจัดการน้ำในฟาร์มเกษตรกรด้วยว่า เกษตรกรต้องเตรียมน้ำให้เพียงพอต่อปริมาณสัตว์ที่เลี้ยง น้ำต้องมีคุณภาพดี ใส สะอาด รสชาติไม่เค็ม และต้องใช้สารส้มปรับคุณภาพน้ำก่อนใช้ในอัตราส่วนสารส้ม 1 กรัมต่อน้ำ 100 ลิตร และใช้คลอรีนฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ด้วยความเข้มข้น 3-5 ppm. (คลอรีน 3-5 ลิตร ต่อน้ำ 1 ล้านลิตร) สำหรับในโรงเรือนสุกรที่มีส้วมน้ำด้านท้ายคอกควรมีการขังน้ำไว้ให้พอดีด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น