วันนี้เรามาคุยกันเรื่องของตลาดหุ้นประเทศเพื่อนบ้านใกล้กับเรา แม้พรมแดนจะไม่ติดกันก็ตาม นั่นคือ ตลาดหุ้นเวียดนาม ที่ต้องยกมาเล่าเพราะเศรษฐกิจของเวียดนามกำลังเติบโตอย่างดีทำให้ตลาดหุ้นของเขามีแนวโน้มขยายตัวไปด้วย ในปี 2015 ที่ผ่านมา ยังสร้างผลงานได้ดีที่สุดเฉพาะตลาดหุ้นในย่านอาเซียนด้วยกัน ส่วนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แม้จะร่วงลงไปกว่า 11% แต่ถึงตอนนี้กลับมายืนในระดับบวกได้แล้ว
ต้องบอกก่อนว่า ตอนนี้มีโบรกเกอร์ไทยที่ให้บริการเทรดหุ้นในตลาดเวียดนามได้มานานแล้ว แม้ช่วงแรกๆจะมีปัญหาในการทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศพอสมควร แต่ปัจจุบันปัญหานี้ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น และเริ่มมีสถาบันการเงินไทยหลายแห่งแนะนำนักลงทุนไทยไปลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นเวียดนาม ประกอบไปด้วย 2 ตลาด คือ ที่ฮานอย เมืองหลวงทางตอนเหนือ และโฮจิมินห์ ซิตี เมืองเศรษฐกิจสำคัญทางตอนใต้ ไม่น่าเชื่อว่าเวียดนามจะมีบริษัทจดทะเบียนพอๆ กับไทยประมาณ 600 กว่าบริษัท ในอนาคตจะมีการควบรวม 2 ตลาดนี้เข้าด่วยกันเพื่อที่จะสร้างความเข้มแข็งให้มากขึ้น
อารมณ์ลองนึกถึงประเทศจีนที่มีปักกิ่งเป็นศูนย์กลางการปกครอง และมีเซี่ยงไฮ้ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ที่เวียดนามก็เช่นกัน คนที่อาศัยทางตอนใต้จะมีหัวคิดทางด้านเศรษฐกิจการค้ามากกว่าคนทางเหนือ เนื่องจากเคยถูกอเมริกาเข้ามาปกครองก่อน (สมัยนั้นยังเป็นประเทศเวียดนามใต้ หรือไซ่ง่อน)
สำนักวิจัยทางเศรษฐกิจต่างคาดการณ์แนวโน้มจีดีพีของเวียดนามในปีนี้น่าจะเติบโตถึง 6.6% ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่เติบโตมากที่สุดในอาเซียน ปัจจัยหลักมาจากการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นบริษัทด้านการก่อสร้าง และค้าปลีกถือเป็นเซกเตอร์ที่มีการขยายตัวมากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จุดเด่นยังคงเป็นค่าแรงที่ยังถูกกว่าประเทศอื่นๆ ขณะที่ภาครัฐให้การสนับสนุนการลงทุนของต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ หลายบริษัทชั้นนำอย่างซัมซุงก็ย้ายฐานผลิตมาที่เวียดนามกันมากขึ้น หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจแน่นอนว่าต้องเป็นภาคการผลิต
ในแง่ของอัตราส่วนการเงิน ตลาดหุ้นเวียดนามในปัจจุบันยังเทรดกันอยู่ที่ 1.7 เท่าของ Net Asset Value ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ต่ำในรอบที่สุดในรอบ 3 ปี ในแง่ Valuation ถือว่าน่าสนใจ ทางบลูมเบิร์กยังได้รวบรวมความคิดเห็นของนักวิเคราะห์หลายเจ้าคาดว่าตลาดหุ้นเวียดนามน่าจะมีอัปไซด์ในปีนี้เกินกว่า 10% ขึ้นไป
มีการเปรียบเปรยว่า ตลาดหุ้นเวียดนามมีความคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นไทยในสมัยก่อน เป็นช่วงจังหวะที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัว การเข้าไปลงทุนในช่วงนี้จึงน่าจะมีโอกาสที่ดีในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในการเข้าลงทุนยังมีอยู่เช่นกัน แม้ที่ผ่านมา เวียดนามจะแก้ไขปัญหาหนี้เสียสถาบันการเงินไปอย่างมากแล้ว แต่ยังมีความเสี่ยงในแง่ของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก และค่อนข้างอิงกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินด่องจึงยังไม่มีเสถียรภาพมากนัก แถมอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
สำหรับเทรดเดอร์ที่สนใจการกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นที่มีโอกาสเติบโตมากกว่าตลาดหุ้นไทย ผมคิดว่าเวียดนามน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่แน่นอนว่าความเสี่ยงก็มีอยู่ด้วยเช่นกัน
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง