ราคาทองคำตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาแกว่งตัวผันผวนเป็นอย่างมาก ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำพุ่งขึ้นไปแตะ 1,279.6 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.2015 จากกระแสการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดอาจจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน ถึงแม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 242,000 ตำแหน่งในเดือน ก.พ. แต่การที่ตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงของแรงงานปรับตัวลดลง 3 เซ็นต์ในเดือน ก.พ. บ่งชี้ถึงการปรับตัวลงของภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่เฟดต้องชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำถูกเทขายทำกำไรก่อนการประชุมธนาคารกลางชั้นนำของโลก ประกอบกับตลาดหุ้นทั่วโลก และราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ขณะที่สัปดาห์นี้ และสัปดาห์หน้ามีข่าวสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตามอง คือ การประชุมธนาคารกลางของประเทศชั้นนำของโลก โดยวันที่ 10 มี.ค.จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี ซึ่งโพลรอยเตอร์คาดว่า อีซีบีจะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.10% สู่ -0.40% จะประกาศเข้าซื้อสินทรัพย์มากยิ่งขึ้น และอาจจะประกาศใช้อัตราดอกเบี้ยหลายอัตราเหมือนกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในยูโรโซน ซึ่งกระแสการคาดการณ์ว่าอีซีบีจะผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติมได้กดดันค่าเงินยูโรให้อ่อนค่า ส่งผลกดดันราคาทองคำในช่วงก่อนที่การประชุมจะจัดขึ้น อย่างไรก็ตาม หากการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์อาจส่งผลให้ค่าเงินยูโรแข็งค่า และเป็นผลบวกต่อราคาทองคำได้เช่นกัน ดังนั้น นักลงทุนจึงยังต้องติดตามประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ในช่วงสัปดาห์หน้าประเด็นที่ต้องติดตาม คือ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือบีโอเจ จะมีการประชุมกันในวันที่ 15 มี.ค. และธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะจัดการประชุมกันในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งจากความเห็นขัดแย้งกันของเจ้าหน้าที่เฟดในเรื่องสภาพเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินที่เหมาะสมของสหรัฐฯ โดยนางลาเอล เบรนาร์ด ผู้ว่าการคนหนึ่งของเฟด กล่าวว่า เฟดควรจะใช้ความอดทนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่นายสแตนลีย์ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟดกล่าวเตือนว่า อัตราเงินเฟ้อแสดงสัญญาณทวีความเร็วขึ้น โดยถ้อยแถลงนี้บ่งชี้ว่า นายฟิชเชอร์ อาจจะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้คาดกันว่าการประชุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่เฟดจะมีการโต้แย้งกันอย่างเต็มที่ถึงแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงคาดการณ์กันว่า เฟดจะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองในสัปดาห์หน้า
จะเห็นได้ว่าผลการประชุมธนาคารกลางของประเทศชั้นนำของโลกนั้นส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไม่ทางตรงก็ทางอ้อม จึงทำให้นักลงทุนยังคงต้องติดตามประเด็นดังกล่าว และควรพิจารณาค่าเงินบาทประกอบการลงทุน เนื่องจากในช่วงนี้ทิศทางค่าเงินบาทมีการแข็งค่าจากการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศซึ่งไหลเข้ามาทั้งในตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตร จึงเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในประเทศ นอกจากนี้ นักลงทุนทองคำควรมีวินัยในการลงทุนพร้อมกำหนดจุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุนอยู่เสมอ เพื่อรองรับความผันผวนของราคาทองคำจากปัจจัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไป