xs
xsm
sm
md
lg

ทิศทางญี่ปุ่นหลังลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ
Dr.win@one-asset.com

สวัสดีครับ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับธนาคารพาณิชย์กับธนาคารกลางญี่ปุ่นลงมาที่ -0.1% จากเดิมที่ 0.1% นั่นหมายถึงว่า จากเดิมที่ธนาคารพาณิชย์หากนำเงินไปฝากกับ ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะได้รับดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.1% แต่ปัจจุบันหากธนาคารพาณิชย์นำเงินไปฝากกับธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องจ่ายดอกเบี้ยค่าฝากเงินดังกล่าวให้กับธนาคารกลางญี่ปุ่นที่อัตราดอกเบี้ย 0.1% ของเงินฝากส่วนเพิ่มที่ธนาคารพาณิชย์นำไปฝากไว้กับธนาคารกลางญี่ปุ่น

ส่วนหนึ่งผมมองว่ามาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลยังต้องการมุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งหลังจากที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นดูเหมือนจะชะลอตัวลงอีกครั้งในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และอัตราเงินเฟ้อก็ยังไม่มีท่าทีที่จะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 2.0% ตามเป้าหมายที่ทางการต้องการให้เติบโตหลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง

อันดับแรก ภาคการส่งออกของญี่ปุ่นจะได้รับอานิสงส์ของค่าเงินเยนที่มีการปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยค่าเงินเยนอ่อนค่าลงมาแตะที่ระดับ 121 เยนต่อดอลลาร์ จากก่อนหน้าที่ระดับ 118 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งแน่นอนว่าการอ่อนค่าของเงินเยนดังกล่าวจะส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งและส่งผลให้การส่งออกสินค้าและบริการของญี่ปุ่นมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น

ประเด็นที่สอง การใช้จ่ายภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากดังกล่าวจะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์เกิดต้นทุนการฝากเงินต่อธนาคารกลางญี่ปุ่น ทำให้เป็นการจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์ต้องเร่งปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพื่อให้เงินสำรองหรือสภาพคล่องของธนาคารมีปริมาณไม่มากเกินไปทางอ้อม โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อผ่านภาคธุรกิจและผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจไหลเวียนได้มากขึ้นและผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้บางส่วน

ประเด็นที่สาม ได้แก่ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้น รวมทั้ง Sentiment ในตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงทั่วโลก โดยจะเห็นได้ว่าหลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศนโยบายการเงินเชิงปริมาณเพิ่มเติมนั้น ส่งผลให้ดัชนี NIKKEI225 มีการปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 3% ภายในวันเดียวกันและเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2% ในวันถัดมา รวมทั้งผลักดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นตามเพื่อตอบรับกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มากขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วงดังกล่าว

ความตั้งใจของทางการญี่ปุ่นในการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อป้องกันการชะลอตัวของเศรษฐกิจ การกดดันให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเพื่อให้การส่งออกปรับตัวดีขึ้นในอนาคต รวมทั้งผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นแตะระดับเป้าหมายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งการดำเนินนโยบายการเงินก็ไม่บ่อยครั้งจนทำให้นักลงทุนชะลอการขานรับกับมาตรการ QE ดังกล่าว ทำให้ญี่ปุ่นน่าจะสามารถประคับประคองเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่น่าจะเข้าสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจได้

ในแง่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจึงยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้จากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจที่รักษาระดับการฟื้นตัว โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นยังมีโอกาสดำเนินนโยบายการเงินเชิงปริมาณเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น ซึ่งอาจมีการเพิ่มวงเงินในการเข้าซื้อกองทุน ETF ขึ้นอีก 2 เท่าจาก 3 ล้านล้านเยน เป็น 6 ล้านล้านเยนในเดือน เม.ย. 59 ซึ่งหากมีการเพิ่มวงเงินดังกล่าวจริงก็เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วงต่อไปครับ

•ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

• ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น