ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลง 9 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 0.84% ปิดที่ระดับ 1,065/ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมช่วง 15-16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ขึ้นมาอยู่ในช่วง 0.25-0.50%
โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.2006 ขณะที่แถลงการณ์ภายหลังการประชุมระบุว่า เฟดคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะปรับตัวในลักษณะที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะปรับนโยบายตามภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เฟดยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัว 2.4% ในปี 2016, 2.2% ในปี 2017 และ 2.0% ในปี 2018 ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้น เฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นจาก 0.4% ในปี 2015 สู่ระดับ 1.6% ในปี 2016 และสู่ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด ในปี 2018 ขณะที่ผลกระทบจากการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่างเฟด และธนาคารกลางในประเทศอื่นๆ จะส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลไปยังสหรัฐฯ ซึ่งจะสร้างแรงหนุนต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทอง อย่างไรก็ตาม ราคาทองเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้ในช่วงท้ายของสัปดาห์จากแรงซื้อเก็งกำไร เนื่องจากราคาปรับลงแรง รวมถึงแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน จากการที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น มีมติว่าจะยังคงใช้นโยบายในการเพิ่มฐานเงินที่อัตราราว 80 ล้านล้านเยนต่อปี ผ่านทางการซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่คาดว่าการฟื้นตัวของราคาทองจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ เท่านั้นก่อนปรับลงในช่วงต่อไป เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะกระตุ้นให้มีเงินทุนไหลเข้ามายังสหรัฐฯ ซึ่งจะสร้างแรงหนุนต่อค่าเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ
ปัจจัยที่น่าติดตาม
22 ธ.ค. สหรัฐฯ เปิดเผยจีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส 3/2558 / ยอดขายบ้านมือสองเดือน พ.ย.
23 ธ.ค. สหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือน พ.ย./ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน พ.ย./ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือน ธ.ค.
24 ธ.ค. สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์
แนวโน้มฟื้นตัวขึ้นชั่วคราว
แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค
ราคาทอง เริ่มมีการฟื้นตัวจากฐานแนวรับ DOUBLE BOTTOM ด้วยการสร้างแท่งเทียนลักษณะ BULLISH ขึ้นมาผ่านยืนแนวต้านแรกที่เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน + ค่าสัญญาณ RSI เริ่มปรับขึ้นจากการเกิดสัญญาณขัดแย้งขาขึ้น ทำให้ราคามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อ อย่างไรก็ตาม คาดว่าการขึ้นจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ เนื่องจากแรงกดดันจากแนวโน้มลง รวมถึงค่าสัญญาณ DEAD CROSS ที่ยังไม่ถูกหักล้างยังกดดันอยู่
แนวรับ 1,045/1,050 แนวต้าน 1,090/1,095
