นักวิเคราะห์ประเมิน AH คาดครึ่งปีแรกผลประกอบการลดลง เหตุยอดขายรถยนต์ในช่วงปลายปีก่อน และการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการภาษีใหม่เข้ามากดดัน คาดยอดขายในปีนี้จะดีขึ้นในครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้นประมาณ 5% เทียบกับปี 2558 และอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 336 ล้านบาท หรือไม่เกิน 7%
ศุภชัย วัฒนวิเทศกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET ได้เปิดเผยบทวิเคราะห์ของ บมจ.อาปิโก ไฮเทค หรือ AH โดยบริษัทมองว่า จากการที่บริษัทได้ประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 4/2558 ที่ผ่านมา มีกำไรที่ไม่โดดเด่นเพียง 78 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสก่อนหน้าถึง 26% เทียบจากระหว่างไตรมาส ในขณะที่ดีขึ้นจากปีก่อนถึง 151% โดยยอดขายปรับตัวดีขึ้นเป็น 3,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ +9% เทียบระหว่างไตรมาส และเพิ่มขึ้น +12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยปัจจัยหลักๆ นั้นมาจากยอดขายรถยนต์ในช่วงปลายปีก่อน และการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการภาษีใหม่ อีกทั้งตลาดรถยนต์ในประเทศมาเลเซียฟื้นตัวดีขึ้น ในขณะที่ยอดขายชิ้นส่วนอะไหล่ยังคงชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเหลือ 4.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ 6.0% แต่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนในระดับ 3.1% ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารที่เพิ่มขึ้นเป็น 213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +6% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า + และเพิ่มขึ้นถึง 20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อีกทั้งบริษัทยังต้องเผชิญต่อผลขาดทุนในอัตราแลกเปลี่ยนจาก Mark-to-market ทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายปรับลดลงเหลือ 37 ล้านบาท หรือติดลบ -11% เทียบกันระหว่างไตรมาส และติดลบ -19% เทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากมีการจ่ายชำระหนี้จำนวน 514 ล้านบาท ทำให้มีหนี้สินคงเหลือ 3,300 ล้านบาท รวมแล้วในปี 2558 บริษัทฯ มียอดขายทรงตัวที่ 14,534 ล้านบาท ในขณะที่กำไรทรุดลงเหลือ 313 ล้านบาท ติดลบกว่า -15% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยปัจจัยหลักๆ มาจากรายได้อื่นที่ลดลงเหลือ 459 ล้านบาท หรือติดลบ -26% เทียบกับปีก่อนหน้า เพราะมูลค่าขายเศษเหล็กในอุตสาหกรรมโลกที่ลดลงอย่างมาก
ขณะเดียวกัน แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2559 คาดว่าอาจจะชะลอตัวลง โดยประเมินว่าทั้งปี 2559 ผลประกอบการของบริษัทจะฟื้นตัวเล็กน้อย อย่างไรก็ดี จากการที่บริษัทฯ ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลกำไรครึ่งหลังของปี 2558 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น และประกาศที่จะซื้อหุ้นคืนจำนวน 14.5 ล้านหุ้น (คิดเป็น 4.5% ของทุนจดทะเบียน) ซึ่งมาตรการนี้จะเข้ามาช่วยพยุงราคาหุ้นให้ปรับตัวดีขึ้นได้ โดย MBKET แนะนำให้นักลงทุนปรับประมาณการลง โดยถือลดเป้าหมายลงเหลือในราคา 13 บาทต่อหุ้น
นอกจากนี้ จากแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2559 จะชะลอตัวลง โดยประเมินว่า ภาพรวมผลประกอบการปี 2559 คาดจะฟื้นตัวเล็กน้อย โดยผู้บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทค คาดว่า ยอดขายของบริษัทในปี 2559 จะเติบโตประมาณ 5% เทียบกับปี 2558 ในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ประเมินยอดผลิตรถยนต์เท่ากับ 2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น +5% เทียบกับปี 2558 ขณะที่ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับดีขึ้นมากกว่า 5% จากปีก่อน 4.9% จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น รวมถึงอัตรากำไรสุทธิจะมากกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ 2.15% จากการควบคุมต้นทุนในทุกส่วน ในขณะที่ราคารถยนต์ในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นตามภาษีสรรพสามิตใหม่ บวกกำลังซื้อรถยนต์ในประเทศที่อ่อนแอทำให้ปรับประมาณการณ์ลดลง โดยประเมินยอดขายในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 15,261 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 5% เทียบกับปี 2558 และคาดจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 336 ล้านบาท หรือเติบโตไม่เกิน 7% เทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ในส่วนของงบลงทุนที่บริษัทวางไว้ที่ประมาณ 400 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรใหม่ และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
ทั้งนี้ จากการที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นปี 2558 ที่ 18.0 บาท โดย บมจ.อาปิโก ไฮเทค ได้ประกาศที่จะซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 150 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นไม่เกิน 14.5 ล้านหุ้น หรือประมาณ 4.5% ของทุนจดทะเบียน และได้ประกาศจ่ายปันผลกำไรครึ่งปีหลังในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น รวมเป็นปันผลจ่ายปี 2558 เท่ากับ 0.30 บาท หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.6% อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีแรกคาดจะชะลอตัวลงทำให้ MBKET ลดเกรดคำแนะนำลงเหลือถือจากเดิม Trading Buy ประเมินราคาเป้าหมายปี 2559 เท่ากับ 13 บาทต่อหุ้น บนฐาน P/E ที่ 12 เท่า เช่นเดียวกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มยานยนต์ที่ลดลงจากราคา 17 บาทต่อหุ้น
