เอเอฟพี/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันขยับขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร (1 มี.ค.) จากแนวโน้มความเป็นไปได้ของข้อเสนอตรึงกำลังผลิต ปัจจัยทางพลังงานและยอดขายรถยนต์ที่แข็งแกร่งดันวอลล์สตรีทพุ่งแรง แต่ขณะเดียวกันก็ฉุดให้ทองคำปิดลบ เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงต่ำลดลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 65 เซ็นต์ ปิดที่ 34.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 24 เซ็นต์ ปิดที่ 36.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดตกอยู่ใต้แรงกดดันจากภาวะอุปทานล้นความต้องการมายาวนาน แต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นมาเมื่อโอเปก สมาชิกยักษ์ใหญ่ของโอเปกกับรัสเซีย ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก เห็นพ้องตรึงกำลังผลิตในระดับของเดือนมกราคม โดยมีเงื่อนไขว่าชาติผู้ผลิตหลักอื่นๆ ต้องดำเนินการแบบเดียวกัน
แม้ต่อมาได้เกิดความเคลือบแคลงใจต่อข้อตกลงดังกล่าว จนตลาดเกิดความผัวผวน ทว่า ในวันอังคาร (1 มี.ค.) ราคาน้ำมันก็ได้แรงหนุนอีกครั้งจากความเห็นของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่บอกระหว่างร่วมประชุมกับเหล่าผู้บริหารบริษัทน้ำมันรัสเซียว่านายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานจะเป็นผู้นำการหารือสำหรับหล่อหลอมข้อตกลงตรึงกำลังผลิตระหว่างชาติผู้ผลิตต่างๆ
ประธานาธิบดีปูตินบอกว่าแนวคิดนี้คือคงกำลังผลิตในปี 2016 ของรัสเซียไว้ในระดับเดียวกับเดือนมกราคม ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลตั้งแต่ยุคหลังสหภาพโซเวียต เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 10.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างแรงในวันอังคาร (1 มี.ค.) ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคารและเทคโนโลยี จากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวและยอดขายรถยนต์ที่แข็งแกร่ง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 348.58 จุด (2.11 เปอร์เซ็นต์) ปิด 16,865.08 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 46.12 จุด (2.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,978.35 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 131.65 จุด (2.89 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,689.60 จุด
ยอดจำหน่ายรถยนต์ที่แข็งแกร่งเกินคาดหมายอย่างมากเมื่อเดือนที่แล้ว สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคสหรัฐฯยังคงพร้อมและยังมีความสามารถในการใช้จ่ายสินค้าขนาดใหญ่ ด้วยฟอร์ด ฮอนด้า และเฟียต ไครสเลอร์ คือบริษัทที่มีผลงานดีที่สุด
นอกจากนี้แล้ว วอลล์สตรีทยังได้แรงหนุนกลุ่มธนาคาร โดยแบงก์ออฟอเมริกา ปิดบวก 5.2 เปอร์เซ็นต์ ซิตีกรุ๊ป ปิดบวก 6.3 เปอร์เซ็นต์ เจพีมอร์แกนเชส ปิดบวก 5.1 เปอร์เซ็นต์ และซันทรัสต์แบงก์ ปิดบวก 5.5 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับกลุ่มเทคโนโลยี หลัง แอปเปิล ปิดบวก 4.0 เปอร์เซ็นต์ แอมะซอน ปิดบวก 4.8 เปอร์เซ็นต์ เน็ตฟลิกซ์ ปิดบวก 5.2 เปอร์เซ็นต์ และอัลฟาเบต บริษัทแม่ของกูเกิล ปิดบวก 3.5 เปอร์เซ็นต์
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร (1 มี.ค.) ปิดลบเล็กน้อย หลังการพุ่งทะยานในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผลักให้นักลงทุนบ่ายหน้าหนีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,230.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์