แสนสิริ สรุปผลการดำเนินงานปี 2558 มียอดขายกว่า 28,512 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 222% จากปีก่อนรายได้พุ่งทะลุ 38,500 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 30% และเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่สามารถลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายได้ลดลงตามแผนงาน EFG จาก 18.6% เป็น 16.8% ของรายได้ ส่งผลกำไรรวมทะลัก 3,500 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อน และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จ่อคิวเปิดตัว Flagship Project คอนโดพร้อมอยู่บน ถ.วิทยุ
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงคาดการณ์ผลการดำเนินธุรกิจในปี 2558 ว่า บริษัทมียอดขาย (พรีเซล) ประมาณ 28,512 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 222% จากปีก่อน ที่มียอดขาย 8,800 ล้านบาท จากความสำเร็จทั้งจากการร่วมทุนกับบีทีเอส (BTS) ตามแผนความร่วมมือในระยะ 5 ปีที่แสนสิริ และกลุ่มบีทีเอสมีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมในแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชน ภายใต้บริษัทร่วมทุน จำนวน 25 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1 แสนล้าน ในช่วง 5 ปี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ 2 องค์กรที่มีความพร้อม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน ด้วยความสำเร็จจากการขายคอนโดมิเนียมหมดอย่างรวดเร็วในวันเดียวทุกโครงการที่เปิดในปีที่ผ่านมา ทั้งโครงการ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า และโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส (BTS) ในแบรนด์ “เดอะ ไลน์” ทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต, เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 และ เดอะ ไลน์ ราชเทวี รวมทั้งการที่ลูกค้าให้การตอบรับโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ (Ready to Move in) เป็นอย่างดีต่อเนื่องทำให้รับรู้รายได้ทันทีในปีที่ผ่านมา
ขณะที่บริษัทมีรายได้รวมในปี 2558 ประมาณ 38,500 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายที่วางไว้ 37,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่แสนสิริเคยทำได้ โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขาย รวมกับการที่บริษัทเริ่มมีรายได้จากการบริหารโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส
ทั้งนี้ รายได้ในปีที่ผ่านมา เกิดจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่ทยอยโอนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 42 โครงการ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 14 โครงการ และต่างจังหวัด 28 โครงการ นอกจากนี้ ยังมีกำไรสุทธิสูงถึง 3,500 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 3,393 ล้านบาท ทั้งนี้ กำไรจากผลการดำเนินงานได้สะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพภายใต้แผนงาน “Engineer For Growth” หรือ EFG โดยในปีนี้บริษัทยังสามารถลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารต่อยอดขายได้ลดลงจาก 18.6% เป็น 16.8% ของรายได้อีกด้วย
สำหรับการดำเนินธุรกิจในไตรมาสแรก หลังจากนี้ บริษัทได้เตรียมเปิดตัว Flagship Project ของแสนสิริ บนถนนวิทยุ ซึ่งจะเป็นโครงการที่พรีเมียมที่สุด และราคาต่อตารางเมตรสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยจะเป็นคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ซึ่งเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม และเปิดการขายในเดือนตุลาคมนี้