ผู้จัดการรายวัน360 - “ลุงตู่” มอบคำขวัญวันเด็กปี 59 “เด็กดี หมั่นเพียร เรียนรู้ สู่อนาคต” ด้าน “บิ๊กป้อม” สั่งเข้มดูแลความปลอดภัยในชีวิต-ทรัพย์สิน มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ยันยึดรถคนเมาทำตาม กม. เอกชนคึกมาตรการชอปปิ้งลดภาษี ระบุ 7 วันน้อยไปขอขยายเวลา 2 เดือน ททท.ผนึกเอกชนทุ่มพันล้านปักหมุด “เซ็นทรัล แบงค็อก” ตามรอยฟิฟฟ์อเวนิว แบงก์เว้นฝาก-ถอนข้ามเขตช่วงปีใหม่
วานนี้ (24 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบคำขวัญเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2559 ซึ่งตรงกับวันที่ 9 ม.ค.59 ว่า “เด็กดี หมั่นเพียร เรียนรู้ สู่อนาคต” ทั้งนี้ นายกฯได้กล่าวอธิบายถึงคำขวัญดังกล่าวว่า เด็กคืออนาคต ประเทศไทยจะมีอนาคตก็เพราะเด็ก เราต้องสร้างคนรุ่นใหม่อีก 21 ปีข้างหน้า เหมือนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศ
** “ประวิตร” หนุนยึดรถคนเมา
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในการมอบนโยบายการดูแลรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกการสัญจรของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยมีผน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดย พล.อ.ประวิตรได้ขอให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพโดยการแบ่งความรับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ และได้เน้นย้ำไม่ให้มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลทุกพื้นที่ที่จะงานเคาท์ดาวน์ ให้ทุกฝ่ายตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์และกำหนดแผนรักษาความปลอดภัยร่วมกัน
สำหรับกรณีที่ ผบ.ทบ.สั่งการให้ทุกหน่วยทหารตรวจผู้ขับขี่ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มข้น และให้อำนาจในการยึดรถของผู้ขับขี่ที่มีอาการเมาสุราได้นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย เพราะหากดื่มสุราเมาแล้วขับรถ จะทำความเดือดร้อนให้กับคนอื่นจนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งการยึดรถผู้ขับขี่นั้น เป็นการยึดเพียงชั่วคราว ไม่ใช่การยึดถาวร
** ยก “บึ้มราชประสงค์” เป็นบทเรียน
ขณะที่ พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในที่ประชุม พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่และทุกหน่วยงานความมั่นคงร่วมกันดูแลอำนวยความสะดวกการสัญจรและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อมอบเป็นของขวัญ คืนความสุขให้กับประชาชนในห้วงเทศกาลปีใหม่ โดยกำชับสั่งการให้ทุกหน่วยงานมีความตื่นตัว เฝ้าระวังในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่จัดงานที่สำคัญๆ ตรวจสอบความพร้อมของกล้องวงจรปิดและแสงสว่างในทุกจุดเสี่ยง พร้อมทั้งให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วมในทุกพื้นที่ เตรียมแผนเผชิญเหตุรองรับ ทั้งการรักษาความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย และการช่วยเหลือทางการแพทย์ เช่นเดียวกับการอำนวยความสะดวกในการสัญจรและความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
“พล.อ.ประวิตรกล่าวฝากด้วยความห่วงใยว่า ขอให้เหตุการณ์ที่ราชประสงค์ เป็นบทเรียนของคนไทยร่วมกัน ที่จะช่วยกันป้องกัน เฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อความเชื่อมั่น ความรู้สึก และการสูญเสียของคนไทยเช่นนั้นเกิดขึ้นอีก” พล.ต.คงชีพ ระบุ
** “เดอะมอลล์” เชื่อมาตรการลดภาษีได้ผล
ทางด้าน นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวถึง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ให้ประชาชนนำใบเสร็จค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการในระหว่างวันที่ 25 - 31 ธ.ค.58 จากผู้ประกอบกิจการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ว่า เป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนมาใช้จ่ายในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่คึกคักมากขึ้น ประกอบกับโปรโมชั่นที่ห้างและศูนย์การค้าทั่วไปจัดช่วยกระตุ้นและเชิญชวนลูกค้าอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นช่วงที่ส่วนใหญ่จำเป็นต้องซื้อสินค้าเป็นของขวัญ ซึ่งน่าจะตอบโจทย์คนที่ต้องใช้จ่ายในช่วงนี้ได้มาก ในส่วนของกลุ่มเดอะมอลล์กำลังพิจารณาผสมผสานกับแคมเปญที่จัดอยู่แล้วของทางห้างฯ รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลให้ลูกค้าได้ทราบถึงสิทธิประโยชน์ของลูกค้าจากมาตรการของรัฐบาลด้วย
เช่นเดียวกับ นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA ) กล่าวสนับสนุนว่า ถือเป็นมาตรการที่ดี แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาที่น้อยเกินไป น่าจะทำนานกว่านี้อย่างน้อย 2 เดือนเพื่อให้ได้ผลที่ชัดเจน มากกว่าการทำช่วงสั้นๆ
** ทุ่มพันล้านปั้น “เซ็นทรัล แบงค็อก”
ขณะที่ น.ส.บุษบา จิราธิวัฒน์ ผู้แทนเครือข่ายผู้ประกอบการในย่านเซ็นทรัล แบงค็อก กล่าวว่า ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีความตั้งใจที่จะสร้างให้ย่าน เซ็นทรัล แบงค็อก เป็นหัวใจและศูนย์กลางของกรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกับในเมืองใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งจะมีโซนที่เป็นเหมือนใจกลางของมหานครด้านเศรษฐกิจ การค้า แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และวัฒนธรรมอันงดงาม อาทิ Central London ที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ หรือ Central Park และ Fifth Avenue ของมหานิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา
“เซ็นทรัล แบงค็อก จะครอบคลุมบริเวณถนนสายหลัก 4 สายของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ถ.เพลินจิต ถ.ราชดำริ ถ.พระราม 4 และ ถ.วิทยุ โดยตลอดปี 2559 ภาคเอกชนจะร่วมกับ กทม.และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดบิ๊กอีเวนต์ที่น่าสนใจประมาณ 7-8 ครั้ง เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทยทั่วประเทศเพิ่มขึ้น โดยจะใช้งบจัดกิจกรรมรวมมากว่า 1,000 ล้านบาท” น.ส.บุษบา กล่าว
ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า ททท.คาดหวังว่า ปีนี้ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโต 20% เช่นเดียวกับมูลค่ารายได้ที่เติบโต 20% หรือ มีปริมาณนักท่องเที่ยวเป็น 28.8 ล้านคน และมีรายได้รวม 2.2 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11% ของจีดีพีประเทศ สำหรับการจัดตั้งเซ็นทรัลแบงค็อกนั้น จะยิ่งช่วยทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น
** ผู้บริโภคเฮ!ปีใหม่สินค้าราคาลงอีก
ทางด้าน น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางบกว่า ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและบริการยืนยันที่จะปรับลดค่าบริการขนส่งลง 5-10% ซึ่งจะช่วยลดราคาสินค้าลงตามต้นทุนค่าขนส่งที่ลดลงเฉลี่ยตั้งแต่ 10 สตางค์ถึง 10 บาทต่อชิ้น ตามขนาดน้ำหนักของสินค้าและมูลค่าของสินค้า โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.59 เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ทั้งนี้ การปรับลดราคาสินค้าในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการปรับลดราคาสินค้าลงมาแล้ว 2 ครั้ง และกำลังติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง หากมีการปรับลดลงอีก ก็จะหารือผู้ประกอบการขนส่งให้ลดราคาลงมา รวมถึงผู้ผลิตสินค้าให้มีการปรับลดราคาลงมาด้วย
** เว้นค่าฟีฝาก-ถอนเงินข้ามเขตปีใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า สมาคมธนาคารไทยได้มีมติเห็นชอบร่วมกันของธนาคารสมาชิก ในการยกเว้นค่าธรรมเนียมถอนเงินข้ามเขตผ่านเครื่องเอทีเอ็ม และฝากเงินสดข้ามเขตผ่านเครื่องซีดีเอ็ม โดยให้มีระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียม ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.58 ถึงเวลา 23.00 น.ของวันที่ 3 ม.ค.59 เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้ ธนาคารสมาชิกจะได้จัดเตรียมเงินสดตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศให้เพียงพอในช่วงวันหยุดเทศกาลด้วย.
วานนี้ (24 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบคำขวัญเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2559 ซึ่งตรงกับวันที่ 9 ม.ค.59 ว่า “เด็กดี หมั่นเพียร เรียนรู้ สู่อนาคต” ทั้งนี้ นายกฯได้กล่าวอธิบายถึงคำขวัญดังกล่าวว่า เด็กคืออนาคต ประเทศไทยจะมีอนาคตก็เพราะเด็ก เราต้องสร้างคนรุ่นใหม่อีก 21 ปีข้างหน้า เหมือนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศ
** “ประวิตร” หนุนยึดรถคนเมา
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในการมอบนโยบายการดูแลรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกการสัญจรของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยมีผน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดย พล.อ.ประวิตรได้ขอให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพโดยการแบ่งความรับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ และได้เน้นย้ำไม่ให้มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลทุกพื้นที่ที่จะงานเคาท์ดาวน์ ให้ทุกฝ่ายตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์และกำหนดแผนรักษาความปลอดภัยร่วมกัน
สำหรับกรณีที่ ผบ.ทบ.สั่งการให้ทุกหน่วยทหารตรวจผู้ขับขี่ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มข้น และให้อำนาจในการยึดรถของผู้ขับขี่ที่มีอาการเมาสุราได้นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย เพราะหากดื่มสุราเมาแล้วขับรถ จะทำความเดือดร้อนให้กับคนอื่นจนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งการยึดรถผู้ขับขี่นั้น เป็นการยึดเพียงชั่วคราว ไม่ใช่การยึดถาวร
** ยก “บึ้มราชประสงค์” เป็นบทเรียน
ขณะที่ พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในที่ประชุม พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่และทุกหน่วยงานความมั่นคงร่วมกันดูแลอำนวยความสะดวกการสัญจรและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อมอบเป็นของขวัญ คืนความสุขให้กับประชาชนในห้วงเทศกาลปีใหม่ โดยกำชับสั่งการให้ทุกหน่วยงานมีความตื่นตัว เฝ้าระวังในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่จัดงานที่สำคัญๆ ตรวจสอบความพร้อมของกล้องวงจรปิดและแสงสว่างในทุกจุดเสี่ยง พร้อมทั้งให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วมในทุกพื้นที่ เตรียมแผนเผชิญเหตุรองรับ ทั้งการรักษาความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย และการช่วยเหลือทางการแพทย์ เช่นเดียวกับการอำนวยความสะดวกในการสัญจรและความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
“พล.อ.ประวิตรกล่าวฝากด้วยความห่วงใยว่า ขอให้เหตุการณ์ที่ราชประสงค์ เป็นบทเรียนของคนไทยร่วมกัน ที่จะช่วยกันป้องกัน เฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อความเชื่อมั่น ความรู้สึก และการสูญเสียของคนไทยเช่นนั้นเกิดขึ้นอีก” พล.ต.คงชีพ ระบุ
** “เดอะมอลล์” เชื่อมาตรการลดภาษีได้ผล
ทางด้าน นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวถึง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ให้ประชาชนนำใบเสร็จค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการในระหว่างวันที่ 25 - 31 ธ.ค.58 จากผู้ประกอบกิจการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ว่า เป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนมาใช้จ่ายในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่คึกคักมากขึ้น ประกอบกับโปรโมชั่นที่ห้างและศูนย์การค้าทั่วไปจัดช่วยกระตุ้นและเชิญชวนลูกค้าอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นช่วงที่ส่วนใหญ่จำเป็นต้องซื้อสินค้าเป็นของขวัญ ซึ่งน่าจะตอบโจทย์คนที่ต้องใช้จ่ายในช่วงนี้ได้มาก ในส่วนของกลุ่มเดอะมอลล์กำลังพิจารณาผสมผสานกับแคมเปญที่จัดอยู่แล้วของทางห้างฯ รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลให้ลูกค้าได้ทราบถึงสิทธิประโยชน์ของลูกค้าจากมาตรการของรัฐบาลด้วย
เช่นเดียวกับ นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA ) กล่าวสนับสนุนว่า ถือเป็นมาตรการที่ดี แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาที่น้อยเกินไป น่าจะทำนานกว่านี้อย่างน้อย 2 เดือนเพื่อให้ได้ผลที่ชัดเจน มากกว่าการทำช่วงสั้นๆ
** ทุ่มพันล้านปั้น “เซ็นทรัล แบงค็อก”
ขณะที่ น.ส.บุษบา จิราธิวัฒน์ ผู้แทนเครือข่ายผู้ประกอบการในย่านเซ็นทรัล แบงค็อก กล่าวว่า ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีความตั้งใจที่จะสร้างให้ย่าน เซ็นทรัล แบงค็อก เป็นหัวใจและศูนย์กลางของกรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกับในเมืองใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งจะมีโซนที่เป็นเหมือนใจกลางของมหานครด้านเศรษฐกิจ การค้า แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และวัฒนธรรมอันงดงาม อาทิ Central London ที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ หรือ Central Park และ Fifth Avenue ของมหานิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา
“เซ็นทรัล แบงค็อก จะครอบคลุมบริเวณถนนสายหลัก 4 สายของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ถ.เพลินจิต ถ.ราชดำริ ถ.พระราม 4 และ ถ.วิทยุ โดยตลอดปี 2559 ภาคเอกชนจะร่วมกับ กทม.และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดบิ๊กอีเวนต์ที่น่าสนใจประมาณ 7-8 ครั้ง เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทยทั่วประเทศเพิ่มขึ้น โดยจะใช้งบจัดกิจกรรมรวมมากว่า 1,000 ล้านบาท” น.ส.บุษบา กล่าว
ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า ททท.คาดหวังว่า ปีนี้ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโต 20% เช่นเดียวกับมูลค่ารายได้ที่เติบโต 20% หรือ มีปริมาณนักท่องเที่ยวเป็น 28.8 ล้านคน และมีรายได้รวม 2.2 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11% ของจีดีพีประเทศ สำหรับการจัดตั้งเซ็นทรัลแบงค็อกนั้น จะยิ่งช่วยทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น
** ผู้บริโภคเฮ!ปีใหม่สินค้าราคาลงอีก
ทางด้าน น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางบกว่า ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและบริการยืนยันที่จะปรับลดค่าบริการขนส่งลง 5-10% ซึ่งจะช่วยลดราคาสินค้าลงตามต้นทุนค่าขนส่งที่ลดลงเฉลี่ยตั้งแต่ 10 สตางค์ถึง 10 บาทต่อชิ้น ตามขนาดน้ำหนักของสินค้าและมูลค่าของสินค้า โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.59 เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ทั้งนี้ การปรับลดราคาสินค้าในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการปรับลดราคาสินค้าลงมาแล้ว 2 ครั้ง และกำลังติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง หากมีการปรับลดลงอีก ก็จะหารือผู้ประกอบการขนส่งให้ลดราคาลงมา รวมถึงผู้ผลิตสินค้าให้มีการปรับลดราคาลงมาด้วย
** เว้นค่าฟีฝาก-ถอนเงินข้ามเขตปีใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า สมาคมธนาคารไทยได้มีมติเห็นชอบร่วมกันของธนาคารสมาชิก ในการยกเว้นค่าธรรมเนียมถอนเงินข้ามเขตผ่านเครื่องเอทีเอ็ม และฝากเงินสดข้ามเขตผ่านเครื่องซีดีเอ็ม โดยให้มีระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียม ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.58 ถึงเวลา 23.00 น.ของวันที่ 3 ม.ค.59 เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้ ธนาคารสมาชิกจะได้จัดเตรียมเงินสดตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศให้เพียงพอในช่วงวันหยุดเทศกาลด้วย.