xs
xsm
sm
md
lg

เหมราชฯ กวาดกำไรงวดนี้กว่า 3.33 พันล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เหมราชฯ กวาดกำไรงวดสิ้นปี 58 ถึง 3,335.8 ล้านบาท ผลดีจากการขายที่ดินในนิคมฯ เพิ่มขึ้น อีกทั้งรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในทุกกลุ่มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 57 ขณะที่รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม (ไม่รวมพลังงาน) เพิ่มขึ้น 31%

มร.เดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ HEMRAJ แจ้งผลงานไตรมาส 4 ปี 58 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,261.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 174% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.130 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 198% และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 4 ปี 58 จำนวน 1,228.0 ล้านบาท (ไม่รวมการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 33.3 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 127%

สำหรับปี 58 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 3,335.8 ล้านบาท ซึ่งรวมกำไรของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยแล้ว เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.339 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 10% บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากธุรกิจไฟฟ้า และสาธารณูปโภค (ไม่รวมกำไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้) รวมเป็น 1,594.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้จากการลงทุนด้านพลังงาน (โรงไฟฟ้า เก็คโค่-วัน และ GJP NLL) 362.5 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ 3 ล้านบาท เมื่อช่วงเดียวกันของปี 57 ด้วยเหตุนี้ บริษัทเหมราชฯ มีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในปี 58 จำนวน 3,698.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13%

“บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) มีผลการดำเนินงาน และผลประกอบการประจำปี 58 ในระดับที่สูง เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับสภาวะทางเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก บริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 35% โดยรายได้ในส่วนนี้จะสามารถรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อมีการโอนที่ดิน อย่างไรก็ตาม ในส่วนรายได้รวมจากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในทุกกลุ่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 57 ขณะที่รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม (ไม่รวมพลังงาน) เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเช่นกัน

สำหรับปี 58 บริษัทฯ สามารถขายที่ดินอุตสาหกรรมได้ 1,043 ไร่ (417 เอเคอร์ หรือ 167 เฮกตาร์) จากสัญญา 28 สัญญา ซึ่งในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่ 22 ราย และจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิม 6 ราย โดย 64% เป็นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมยานยนต์ ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศในปี 58 ลดลง 9% ขณะที่ปริมาณการผลิตรถยนต์โดยรวมกลับเพิ่มขึ้น 2% ส่วนยอดการส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้น 7% จึงส่งผลให้มูลค่าการส่งออกยานยนต์ในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกยานยนต์คิดเป็น 15.05% ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด

สำหรับปี 58 ยอดการเช่าพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปภายใต้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) มีจำนวนใกล้เคียงกับที่ผ่านมาที่ 299,586 ตร.ม. ในขณะที่บริการคลังสินค้าให้เช่าของเหมราชฯ มียอดการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น 17,647 ตารางเมตร หรือคิดเป็น 21% จากยอดรวมของปี 57

สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้า บริษัทเหมราชฯ ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนในธุรกิจไฟฟ้า และสาธารณูปโภค (ไม่รวมกำไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง) เป็น 1,594.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ บริษัทเหมราชฯ ยังได้ลงนามในข้อตกลงถือหุ้นกับบริษัท บี.กริม และบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ในปี 58 เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กอีก 7 โครงการ ซึ่งแต่ละโครงการมีกำลังการผลิตที่ 126 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป การลงทุนครั้งนี้จะช่วยส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าในส่วนที่เหมราชถือครองเพิ่มขึ้นจาก 318 เมกะวัตต์ เป็นทั้งสิ้น 538 เมกะวัตต์ ภายในปี 62 ส่วนการผนึกกันระหว่างดับบลิวเอชเอ และเหมราช จะทำให้ทั้ง 2 บริษัทสามารถนำเสนอสินค้า และบริการด้านนิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค โรงไฟฟ้า และลอจิสติกส์ที่ครบวงจรให้แก่ลูกค้า และสร้างเสริมความสำเร็จร่วมกันต่อไปบริษัทฯ มีแหล่งรายได้จากหลายธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

และผลการดำเนินงานของปี 58 ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างผลกำไรจากการลงทุนที่ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์ของบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวเป็นหลัก และเนื่องจากการเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไปครั้งที่ 2 ของดับบลิวเอชเอแล้วเสร็จด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 98.54% บริษัทฯ จะมุ่งดำเนินการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์จากการผนวกรวมกิจการให้ต่อเนื่องต่อไป ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญกว่า 23 ปี ของผมในการพัฒนาที่ดิน และนิคมอุตสาหกรรมของเหมราชฯ ผมขอขอบคุณสำหรับความเชื่อมั่น และการสนับสนุนจากทุกท่านตลอดมา” มร.เดวิด นาร์โดน กล่าว

โดยในปี 58 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 7,471.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปี 57 ที่มีรายได้รวม 6,333.1 ล้านบาท โดยรายได้มาจากธุรกิจหลัก 7,544.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเปรียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 57 รายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรมในปี 58 มี 4,655.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 40% ซึ่งนับรวมถึงรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 33.5 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรมที่มีการลงนามสัญญาซื้อขายไปแล้วแต่รอการรับรู้อีก 429 ล้านบาท ในช่วง 3-12 เดือนข้างหน้า ด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอนรายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 1,760.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3%

ทั้งนี้ รายได้รวมจากระบบสาธารณูปโภค ซึ่งรวมถึงรายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม เงินปันผลจากบริษัทด้านพลังงาน และสาธารณูปโภค และรายได้จากระบบสาธารณูปโภค และบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้นเป็น 1,927.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 4% รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ และบริการต่างๆ ได้แก่ โรงงานสำเร็จรูป และคลังสินค้าให้เช่า การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 937.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4% เนื่องจากมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการให้เช่าฐานวางท่อที่เพิ่มขึ้นเป็น 153.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16% จากอัตราการเช่า และใช้งานที่เพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากโรงงานให้เช่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 494.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9% ขณะที่รายได้จากการให้เช่าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 151.4 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 7% บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 3,444.5 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) 3,237.0 ล้านบาท ในปี 58 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) อยู่ที่ 46% และ 43% ตามลำดับ

โดยในปี 2558 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม 1,043 ไร่ จาก 28 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่ 22 ราย และจากการขยายกิจการของลูกค้าเดิม 6 ราย ทำให้ปัจจุบันเหมราชฯ มีลูกค้ารวมทั้งสิ้น 668 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 1,003 สัญญา ซึ่งในจำนวนนี้เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ 233 ราย จากสัญญาซื้อขาย 352 สัญญาพื้นที่เช่า และขายของโรงงานสำเร็จรูปลดลงสุทธิ 2,484 ตารางเมตร รวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 299,586 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่การเช่าภายใต้บริษัทเหมราช 194,268 ตารางเมตร และภายใต้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) 105,318 ตารางเมตร นับตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2558 (เหมราชฯ ถือหุ้น 23.12%) พื้นที่คลังสินค้าให้เช่าเพิ่มขึ้นสุทธิ 17,647 ตารางเมตร หรือ 21% จากปี 2557 รวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 100,082 ตารางเมตร


กำลังโหลดความคิดเห็น