“สรรพสามิต” กำหนดเป้าหมายรายได้ภาษี 5-10 ปีข้างหน้า ทำยอดแตะ 8 แสนล้าน หลังเดินหน้าจัดเก็บภาษีประเภทอื่นเพิ่มอีกหลายประเภท โดยเฉพาะภาษีสินค้าทำลายสุขภาพที่โกยเงินได้หลายหมื่นล้าน
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวระหว่างการจัดงานวันสถาปนาครบรอบ 84 ปี กรมสรรพสามิตว่า หลังจากรัฐบาลมีนโยบายขยายฐานภาษีไปยังสินค้าประเภทต่างๆ เพิ่ม เช่น ภาษีสิ่งแวดล้อม การจัดเก็บภาษีจากสินค้าทำลายสุขภาพ โดยหลังจากรัฐบาลปรับเพิ่มภาษียาสูบไปแล้ว มั่นใจว่าปีงบประมาณ 2559 จัดเก็บรายได้เกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ 500,000 ล้านบาท การปรับขึ้นภาษียาสูบทำให้ฐานการจัดเก็บรายได้สูงขึ้นกว่า 10,000 ล้านบาท สอดรับต่อภาษีประเภทอื่น ทั้งภาษีน้ำมัน และรถยนต์ มีแนวโน้มจัดเก็บได้สูงขึ้น เนื่องจากรายได้ภาษีสรรพสามิตช่วง 3 เดือนแรกปีงบประมาณจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 2,700 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อกรมสรรพสามิตศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีประเภทต่างๆ เพิ่ม จึงคาดการณ์แผนระยะยาวหลังจากได้ปรับโครงสร้างภาษี ส่วนจะปรับเพิ่มภาษีประเภทใด และเมื่อใดต้องรอนโยบายจากกระทรวงการคลัง คาดว่าปีงบประมาณ 2560 จัดเก็บรายได้ภาษี 525,000 ล้านบาท จึงมองว่าในอีก 5-10 ปี กรมจะจัดเก็บได้สูงถึง 800,000 ล้านบาท รายได้หลักส่วนใหญ่มาจากภาษีสุรา ยาสูบ น้ำมัน และรถยนต์ รวมทั้งการปรับเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ผ่าน พ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ต้นปี 2560 รัฐบาลเตรียมเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาภายในเดือนพฤษภาคมนี้
ส่วนกรณีการตั้งกองทุนส่งเสริมการส่งออกของผู้ประกอบการตามแนวชายแดน วงเงิน 200 ล้านบาท โดยใช้เงินภาษีสรรพสามิต เพื่อต้องการส่งเสริมการส่งออกของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีตามแนวชายแดนเมื่อส่งออกสินค้าจะได้รับการคืนเงิน และเมื่อพิจารณาเอกสารครบถ้วนแล้วจะได้รับเงินคืน ซึ่งเริ่มดำเนินการไปแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จะประเมินผลการอำนวยการนำเข้าส่งออกสินค้าตามแนวชายแดนได้ เพื่อเพิ่มเงินหมุนเวียนให้ผู้ประกอบการ
ส่วนกรณีการเสียภาษีสรรพสามิตรถยนต์จากการนำเข้ารถหรูของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จช่วง) นั้น ทางกรมพร้อมเข้าไปตรวจสอบ เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประสานความร่วมมือในการขอข้อมูลมาว่าถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากมีการสำแดงภาษีรถยนต์ต่ำกว่าความเป็นจริง