xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นปิดบวก-การซื้อขายเบาบาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ (08-02-59) ปิดทำการที่ 1,307.57 จุด เปลี่ยนแปลง +1.28 จุด (+0.10) โดยวันนี้ดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 1,313.29 จุด และต่ำสุดที่ 1,304.71 จุด การซื้อขายยังคงเบาบาง

นางภรณี ทองเย็น อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ประเมินว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP Growth) ของไทยในปี 59 จะอยู่ที่เฉลี่ย 3.3% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 3.8% คาดการณ์สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (Forward P/E) ปี 59 ที่เฉลี่ย 15.3 เท่า ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 92 บาท (ลดลงจากประมาณการครั้งก่อนที่ 109.5 บาท) และมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ที่เฉลี่ย 19.1% สูงกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 13.0%

หากพิจารณากำไรรายกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า กลุ่มธุรกิจที่มี EPS Growth เติบโตสูงสุดในปี 59 คือ กลุ่มพลังงาน (105.9%) รองลงมา คือ กลุ่มปิโตรเคมี (22.4%) (สำหรับปี 58 คือ กลุ่มปิโตรเคมี 85.01% และรองลงมาคือ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 31.37%)

เหตุผลสนับสนุนสำคัญที่เป็นปัจจัยบวกมาจากปัจจัยภายในประเทศ คือ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ รองลงมาคือ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของไทย เช่น การลงทุนภาคเอกชน อัตราการบริโภค ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยที่ต้องระวัง คือ อัตราเงินเฟ้อ และการส่งออก

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้ (9 ก.พ.) ประเมินว่า ดัชนีฯ น่าจะทรงตัว วอลุ่มการซื้อขายน่าจะยังคงเบาบางต่อเนื่อง เพราะยังไม่มีปัจจัยที่โดดเด่น นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงชะลอการลงทุนช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนแนะเน้นเลือกหุ้นรายตัว และหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดี

อุปนายก สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนยังกล่าวถึงการลงทุนในหุ้น บมจ. ซีพี ออลล์ หรือ CPALL ว่า นักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากเรื่องธรรมาภิบาลของผู้บริหาร ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นที่อ่อนไหวต่อการลงทุน แต่ทั้งนี้ ตัวบริษัทเองยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากผลประกอบการที่ดี และทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่โดดเด่นเพียงรายเดียว

ส่วนราคาหุ้น บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ หรือ BIGC ถือว่าราคาขึ้นมาเกินมูลค่าที่เหมาะสมแล้ว ประกอบกับยังไม่น่าสนใจที่จะเข้าลงทุนในช่วงนี้ โดยธุรกิจค้าปลีกยังคงมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่าอีกมาก แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากดีลซื้อกิจการแล้วเสร็จจะต้องดูแผนธุรกิจที่จะออกมาหลังจากนี้

“Fair Value ของ BIGC ถือว่าขึ้นเกินมูลค่าที่เหมาะสม และยังไม่น่าสนใจลงทุน โดยธุรกิจดังกล่าวยังมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่าหลายบริษัท ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันชะลอตัว ส่งผลต่อ SSS ยังคงติดลบ แต่ทั้งนี้ หากดีลดังกล่าวแล้วเสร็จจะต้องจับตาดูกลยุทธ์ และแผนธุรกิจว่าจะออกมาอย่างไร ซึ่งคาดว่า ตัว TCC ที่จะมาซื้อจะขยายธุรกิจในแนวนอนมากขึ้นเพื่อต่อยอดธุรกิจ BJC” นางภรณี กล่าว
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น