บล.เอเชีย เวลท์ มองปัจจัยบวกในต่างประเทศ และในประเทศจะผลักดันตลาดหุ้นสัปดาห์นี้เป็นบวกได้ ทั้งจากที่ BOJ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งรัสเซียเข้าเจรจากับ OPEC ปรับลดอัตราการผลิตน้ำมันลง และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อาจชะลอออกไป เนื่องจากภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่ดีตามคาด
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีหลายปัจจัยที่ส่งผลถึงสัปดาห์นี้ ได้แก่ การที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) surprise ตลาด ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัญชีเดินสะพัดเป็นติดลบ เท่ากับเป็นการกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อออกไป ทำให้ตลาดหุ้นทั้ง Wall street และตลาดหุ้นยุโรปบวกหมด และทำให้มีมุมมองในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น
ปัจจัยที่สอง คือ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่รัสเซีย กับ OPEC เจรจากัน และมีทีท่าว่าจะบรรลุข้อตกลงในการลดกำลังผลิตน้ำมันลง จึงช่วยให้ราคาน้ำมันบวกขึ้นมา แม้ว่าล่าสุดมีข่าวว่าอิหร่านจะไม่เข้าร่วมในข้อตกลงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังเดินหน้าบวกอยู่
ปัจจัยที่สาม คือ GDP ไตรมาส 4 ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงมาบวกแค่ 0.7% จากไตรมาส 3 บวกที่ระดับ 2% และ GDP ทั้งปี 58 อยู่ที่บวก 2.4% ตรงนี้ทำให้มุมมองเดิมที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะเลื่อนออกไปได้ เพราะเศรษฐกิจไตรมาส 4 ชะลอตัวลงมาเยอะ
ด้านปัจจัยภายในประเทศส่วนใหญ่ก็เป็นบวก ทั้งจำนวนผู้ใช้สนามบินที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง บ่งชี้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแรง และรัฐบาลกำลังพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติม ซึ่งสัปดาห์นี้ วันพุธ (3 ก.พ.) จะต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และปลายสัปดาห์ติดตามการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) ของสหรัฐฯ ด้านกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index สัปดาห์นี้ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 1,285-1,320 จุด
ขณะที่ในส่วนของ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ คือ INTUCH ของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) น่าจะเป็นหุ้นที่ดีที่สุดในหมวดโทรคมนาคมเวลานี้ เนื่องจากอนาคตที่สดใสจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง และการเติบโตที่แข็งแรงจากการถือหุ้นใน THCOM และ ADVANC โดย THCOM เป็นผู้นำในการให้บริการทั้งดาวเทียมถ่ายทอดโทรทัศน์ และดาวเทียมบรอดแบนด์ ซึ่งจะได้ประโยชน์อย่างมากจากการเปลี่ยนผ่านจากช่องธรรมดา (SD) เป็นช่องความคมชัดสูง (HD) รวมถึงแนวโน้มเติบโตขาขึ้นในตลาดบรอดแบนด์ด้วย ซึ่ง ADVANC เป็นตัวสร้างกระแสเงินสดชั้นดี ซึ่งให้กระแสรายได้ที่คงที่แก่ INTUCH จากปันผลที่สูงอย่างสม่ำเสมอในแต่ละปี นอกจากนี้ การก้าวเข้าสู่ตลาด 4G อย่างเป็นทางการด้วยการเปิดตัว 4G Advanced ในสัปดาห์นี้ ช่วยปลดล็อกศักยภาพการเติบโตด้วยสถานะอันแข็งแกร่งในตลาดจากฐานลูกค้าจำนวนมากสุด และการได้ใบอนุญาตมาใหม่ทำให้ ADVANC สามารถขยายฐานลูกค้าได้ ซึ่งช่วยประหยัดค่าส่วนแบ่งรายได้ และค่าตัดจำหน่ายที่ลดลงรวมถึงค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มตอนช่วงที่ยังขาดแคลนคลื่นอยู่
ทั้งนี้ หากเทียบบริษัทจดทะเบียนใน SET ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด 15 อันดับแรก พบว่า INTUCH ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุด และคาดว่าปีนี้จะจ่ายปันผลได้หุ้นละ 5.43 บาท คิดเป็น Dividend yield สูงถึง 9.6% โดยจะจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง ในเดือน มี.ค. และ ส.ค. ทำให้เป็นหุ้นที่เหมาะต่อช่วงตลาดผันผวน เพราะแม้ตลาดปรับตัวลง Dividend yield ที่ขยายขึ้นจะชดเชยราคาที่ลดลงไป
อย่างไรก็ดี ด้านเทคนิครูปแบบราคาของ INTUCH ได้เกิดการฟื้นตัวขึ้นในระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง จากการเกิดสัญญาณซื้อรายวันครั้งใหม่ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลงมามาก และได้เปิด Falling gap ที่ 61.75 บาท ซึ่งมีโอกาสจะสามารถไปปิด Falling Gap นี้ด้วย ด้านราคาเป้าหมายทางปัจจัยพื้นฐานเราให้ไว้ที่ 99 บาท