กลุ่มเกียรตินาคินภัทรตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 15% หลังสินเชื่อกลุ่มเช่าซื้อรถเริ่มผงกหัว แต่ยังต้องจับตาเศรษฐกิจรวม-การลงทุนภาครัฐ พร้อมออกหุ้นกู้ 2-3 พันล้านโปะเงินกองทุน เร่งลดเอ็นพีแอลเหลือ 4.5% จาก 5.8%
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรได้ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบของสินเชื่อรวมในราว 15% จากการเติบโตในเซกเมนต์เดิมที่เรามีฐานลูกค้า ประกอบกับการจัดตั้งสายงานช่องทางการตลาด และพัฒนาฐานลูกค้า จะช่วยให้การขยายฐานลูกค้าในมิติต่างๆ เห็นผลได้ชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเรื่องภาวะภัยแล้ง ภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และของโลกที่ยังต้องระวัง และอาจทำให้การอำนวยสินเชื่อไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดยจากการประเมินของ บล.ภัทร คาดว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ระดับ 3.2% ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปี 2558
“ยอมรับว่าตั้งเป้าหมายสูงกว่าระบบธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะเติบโต 5-6% ก็เป็นการกำหนดเป็นเป้าหมายให้ผู้ปฏิบัติงานรับทราบ แต่หากทำไม่ได้อย่างที่วางแผนไว้ เศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาด โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐ ก็พร้อมที่จะหั่นเป้าลงในช่วงกลางปี ส่วนด้านผลประกอบการก็น่าจะดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3.3 พันล้าน หลังตั้งสำรองลดลง”
ทั้งนี้ ปี 2559 คาดว่า สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะเติบโต 5% จากปี 2558 ที่หดตัว 11.9% ซึ่งยอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ คิดเป็น 65% ของสินเชื่อรวม ขณะที่สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ปีนี้ คาดว่าจะเติบโตไม่เกิน 10% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 30% ของสินเชื่อรวม ขณะที่สินเชื่อหมุนเวียนเอนกประสงค์สำหรับลูกค้าเวลท์ เมเนจเม้นท์ สินเชื่อบรรษัท และสินเชื่อเอสเอ็มอี คาดว่าจะมีการเติบโตเท่าตัว
ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปีนี้ จะบริหารจัดการให้เหลือ 4.5% จากสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 5.8% เนื่องจากธนาคารมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดี และลูกค้ามีความสามารถในการชำระที่ดีขึ้น ประกอบกับ NPL ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
นอกจากนี้ ธนาคารเตรียมออกหุ้นกู้วงเงิน 2,000-3,000 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 1-2 นี้ เพื่อสมทบเข้าเป็นเงินกองทุนที่คาดว่า ณ สิ้นปีแตะ 17-18% จากปัจจุบัน 16.5% เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อ และป้องกันความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจผันผวน
“ปีนี้เป็นปีที่สำคัญของ KKP ในการขยายธุรกิจ และเติบโตในเซกเมนต์เดิมที่มีความพร้อม เริ่มจากการใช้ประโยชน์จากความร่วมมือของบริษัทในกลุ่ม ในส่วนธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ที่พร้อมจะขับเคลื่อนในการขยายธุรกิจนั้น ได้มีการปฏิรูปการทำงานอย่างบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสาขา (เปิด ปิด ย้ายเข้าห้างสรรพสินค้า) ปรับภาพลักษณ์ ซึ่งปัจจุบันมี 65 สาขา เพียงพอต่อการขยายธุรกิจไปอีก 3-5 ปีข้างหน้า รวมทั้งมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้หลากหลายตอบสนองลูกค้าได้ในหลายกลุ่ม”