โคเวสโตร เอจี ตั้งเป้า 5ปีข้างหน้าชิงส่วนแบ่งตลาดทั้งโพลีคาร์บอเนต โพลียูรีเทนเพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้ โดยให้ไทยเป็นสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เหตุมีฐานการผลิตโพลีคาร์บอเนตอยู่แล้ว โดยยอมรับว่าใน 5ปีนี้จะยังไม่มีแผนขยายกำลังผลิตเพิ่ม แต่จะเน้นจับมือพันธมิตรท้องถิ่นพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมสนองความต้องการของลูกค้า
นายแฟรงค์ เอช ลุทซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท โคเวสโตร เอจี ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตโพลีเมอร์และพลาสติกชั้นนำของโลก เปิดเผยว่าบริษัทฯเล็งเห็นความสำคัญของตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ยังมีความต้องการใช้เม็ดพลาสติกโตอย่างต่อเนื่องแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะโตลดลงก็ตาม ดังนั้นบริษัทฯจึงมีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้มากขึ้นในช่วง 5ปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตสูงกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยอาศัยฐานการผลิตโพลีคาร์บอเนตที่มีอยู่ในไทย รวมทั้งฐานการผลิตในจีน
โดยยอมรับว่าในช่วง5ปีนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตโพลีคาร์บอเนตในไทยจากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 2.75 แสนตัน/ปี เนื่องจากกำลังการผลิตดังกล่าวเพียงพอต่อความต้องการใช้ในไทยและส่วนใหญ่มุ่งเน้นการส่งออกไปทั่วโลก แต่จะใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยในปีที่แล้วบริษัทฯได้ปิดฐานการผลิตที่บราซิลและยุโรป แต่ในเอเชียจะไม่มีการปิดโรงงานแต่อย่างไร
นอกจากนี้ บริษัทฯยังให้ความสำคัญในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ด้วยงบประมาณ 250 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 2%ของงบประมาณ เพื่อพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆสนองควรต้องการใช้ของลูกค้า โดยปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดแล็ปแห่งใหม่ที่ประเทศอินโดนีเซียด้วย
นายลุทซ์ กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากการรวมตัวของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นAEC เมื่อปลายปี 2558 ทำให้ขนาดประชากรใหญ่เป็นอันดับ 3รองจากจีนและอินเดีย ดังนั้น บริษัทฯได้ตัดสินใจเปิดสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศไทย ส่วนนสาเหตุที่เลือกไทยนั้นเนื่องจากไทยเป็นตลาดใหญ่ในภูมิภาคนี้ และเป็นฐานการผลิต 1ใน8 ศูนย์การผลิตของโคเวสโตรของโลก โดยบริษัทฯมีโรงงานในเอเชียอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนและมาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยในไทยมีโรงงานผลิตโพลีคาร์บอเนตและสารตั้งต้นบิสพีนอล เอ กำลังการผลิต 2.75 แสนตัน/ปีและ 2.6 แสนตัน/ปี แม้ว่าจะไม่มีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่ม แต่บริษัทฯจะหันมาจับมือกับพันธมิตรท้องถิ่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ จากเดิมที่พึ่งพานวัตกรรมจากบริษัทแม่ที่เยอรมนี
ในกรณีที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง มีผลกระทบเหมือนกัน ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบบางตัวลดลงและราคาขายลดลงไปบ้าง แต่ความต้องการใช้โพลีคาร์บอเนตก็ยังดีอยู่ เนื่องจากตลาดAECถือเป็นตลาดผู้ผลิตยานยนต์ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ส่วนกรณีที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวนั้น บริษัทฯเห็นว่าคงกระทบต่อธุรกิจบริษัทไม่มากนัก เนื่องจากยังมีความต้องการใช้ทั้งโพลียูรีเทน โพลีคาร์บอเนตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีรายได้จากเอเชียคิดเป็น 30%ของรายได้รวม แต่กำไรจะลดลงต่ำกว่านี้
ทั้งนี้ โคเวสโตร ได้แยกธุรกิจเป็นอิสระจากไบเออร์ ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศเยอรมนี โดยดำเนินธุรกิจผลิตโพลีคาร์บอเนต โพลียูรีเทน ผลิตภัณฑ์สำหรับสี กาวและผลิตภัณฑ์เฉพาะด้าน
