บอร์ด UMS มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 76.727 ล้านบาท เป็น 255.756 ล้านบาท พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 358.059 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.50 บาท จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งจำนวนในสัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 7 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 1 บาท โดยเงินระดมทุน 358 ล้านบาท ที่ได้ส่วนใหญ่จะนำไปใช้คืนหนี้เงินกู้ ทั้งจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน สถาบันการเงิน และหนี้อื่น ส่วนที่เหลือรองรับการลงทุนเพิ่มเติม เผยอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ยอมรับการเพิ่มทุนช่วยลดความเสี่ยงจากเกณฑ์ถูกเพิกถอน ตัดสินใจเดินหน้าอย่างเข้มแข็งในการประคับประคองธุรกิจ พร้อมปรับตัวดึงศักยภาพที่มีในส่วนอื่นๆ แสวงหาผลตอบแทนเพิ่ม
นายวิชาย ชื่นสุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส หรือ UMS กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 179,029,741.50 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 76,727,032 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 255,756,773.50 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 358,059,483 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 0.50 บาท จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งจำนวนในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 7 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาท
ทั้งนี้ ในการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นนั้น ผู้ถือหุ้นมีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิของตนตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้ข้างต้นได้ (Oversubscription) อย่างไรก็ตาม สิทธิดังกล่าวจะใช้ได้ไม่เกินร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายนั้นถืออยู่ โดยผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิจะได้รับการจัดสรรหุ้นที่จองซื้อเกินกว่าสิทธิ ก็ต่อเมื่อมีหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้จองซื้อตามสิทธิครบถ้วนทั้งหมดแล้วเท่านั้น
“หากขายหุ้นเพิ่มทุนได้ทั้งหมดจะได้เงินประมาณ 358 ล้านบาท ในจำนวนนี้ประมาณ 258 ล้านบาท จะนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน หนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และภาระหนี้อื่นของบริษัทฯ ตลอดจนชำระดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องต่อหนี้ดังกล่าว ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 100 ล้านบาท อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ (feasibility) ในการลงทุนธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งถ้าศึกษาแล้วไม่ผ่านเงินนั้นจะนำไปลงทุนขยายธุรกิจเดิมที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นถ่านหิน ท่าเรือ เรือขนส่งถ่านหิน และคลังสินค้า ซึ่งก็กำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่เช่นกัน ทั้งนี้ หากทั้ง 2 กรณีไม่ผ่าน feasibility บริษัทฯ จะนำเงินก้อนนี้ไปชำระหนี้ส่วนที่ยังเหลืออยู่”
ทั้งนี้ การเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ ลดความเสี่ยงจากการเข้าข่ายถูกเพิกถอนหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมา UMS มีผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลง ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นปรับลดลง ขณะที่เรายังต้องเผชิญต่อปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ซึ่งแต่ละปัจจัยล้วนกินระยะเวลายาวนาน ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจเดินหน้าแก้ไขปัญหาสถานะทางการเงินเพื่อรักษาสถานภาพการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไว้ พร้อมปรับตัวดึงศักยภาพที่มีในส่วนอื่นๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กิจการสามารถฟื้นกลับมาเติบโตได้ต่อไป