APCON ซื้อพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 100 ล้านบาท ระบุการก่อสร้าง ออกแบบ ติดตั้ง โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคของการเจริญเติบโต เช่นเดียวกับอดีตในประเทศยุโรป และญี่ปุ่น
นายสุธีร์ ฉุยฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ เพาเวอร์ คอนเวนชั่น จำกัด (APCON) ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้า และบริหารจัดการการผลิตพลังงานไฟฟ้า รวมทั้งมีเทคโนโลยีทางด้านระบบควบคุม และระบบสื่อสารที่เกี่ยวข้องต่อการผลิตไฟฟ้าทุกรูปแบบ เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดซื้อพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวล มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า และในโรงงานอุตสาหกรรม
“ปัจจุบัน APCON มีรายได้หลักจากการออกแบบ และก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และบริหารโรงไฟฟ้าชีวมวลประมาณ 4-5 แห่ง ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 9.9-10 เมกะวัตต์ต่อโครงการ โดยมีมูลค่าการประมูลเฉลี่ย 1,000-1,200 ล้านบาทต่อโครงการ ไม่รวมถึงการจัดหาพลังงานเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น ถุงมือยาง และอื่นๆ ซึ่งคาดว่าพลังงานเชื้อเพลิงที่จะใช้ไม่น่าจะต่ำกว่า 30,000 ตัน/ปี ดังนั้น เพื่อรองรับความต้องการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ การซื้อพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวลจาก NRE ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในปีนี้จึงคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท”
นอกจากนี้ ความต้องการพลังงานสะอาดในปัจจุบันมีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดด โดยเฉพาะในกลุ่มยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งให้การสนับสนุนให้ภาคเอกชนลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยรัฐบาลจะรับซื้อในอัตราพิเศษ เช่น โครงการ Feed-in-Tariff (FIT) ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า อุตสาหกรรมก่อสร้าง ออกแบบ ติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคของการเจริญเติบโต เช่นเดียวกับอดีตในประเทศยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตต่างๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว
ด้าน นายภัชริ นิจสิริภัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท นอร์ทเทิร์น รีนิวเอเบิ้ล เอเนอร์จี้ จำกัด หรือ NRE ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงจากชีวมวล เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับความไว้วางใจจาก APCON ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของนอร์ทเทิร์นฯ เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า และการผลิตถุงมือยางในโรงงานอุตสาหกรรมโดยจัดเป็นเชื้อเพลิงอัดแท่งที่มีทั้งถ่านอัดแท่ง (Briquette Charcoal) ไม้อัดแท่ง (Wood Pellet) และไม้สับ (Wood Chip) รวมมูลค่าประมาณกว่า 100 ล้านบาท
ปัจจุบัน นอร์ทเทิร์น ได้ดำเนินการผลิตถ่านอัดแท่งชีวมวล Bio-Charcoal ประมาณ 200 ตัน/เดือน เชื้อเพลิงอัดแท่ง 2,000 ตัน/เดือน และไม้สับอีกประมาณ 3,000 ตัน/เดือน รวมประมาณ 5,000 ตัน/เดือน เป็นพลังงงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษเป็นพิษที่เกิดจากการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และมีโครงการสร้างโรงผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่ง และโครงการแปรรูปชีวมวลเพิ่มเติม ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีกำหนดการเปิดทำการได้ภายในต้นปี 2559 อีกทั้งการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯ เพราะจะช่วยให้ขยายตลาดสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้ง่ายขึ้น
บริษัท นอร์ทเทิร์น รีนิวเอเบิ้ล เอเนอร์จี้ จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงจากชีวมวล ได้แก่ ถ่านอัดแท่ง (Briquette Char-Coal) เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) และไม้สับ (Wood Chip) ให้เป็นพลังงานทดแทน เพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ บริษัทฯ มีนโยบายหลักในการเป็นผู้นำในการผลิตพลังงานจากชีวมวล และบริหารจัดการพลังงานทางเลือก เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานที่มีสารพิษ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศสูญเสียเงินตราจากการนำเข้าเชื้อเพลิง
สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นตามออเดอร์ และส่งออกเป็นส่วนใหญ่ สำหรับในปีนี้บริษัทวางแผนที่จะขยายตลาดในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น เช่น ในส่วนของ Modern Trade/Department Store โดยปัจจุบันสินค้าในกลุ่มถ่านอัดแท่ง (Briquette Char-Coal) เริ่มเข้าไปถ่านอัดแท่ง (Briquette Char-Coal) วางจำหน่ายที่ Villa Market และจัดส่งให้กลุ่มร้านอาหารประเภทปิ้ง ย่าง ทั้งไทย เกาหลี และญี่ปุ่น เช่น ไดโดม่อน
นายสุธีร์ ฉุยฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ เพาเวอร์ คอนเวนชั่น จำกัด (APCON) ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้า และบริหารจัดการการผลิตพลังงานไฟฟ้า รวมทั้งมีเทคโนโลยีทางด้านระบบควบคุม และระบบสื่อสารที่เกี่ยวข้องต่อการผลิตไฟฟ้าทุกรูปแบบ เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดซื้อพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวล มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า และในโรงงานอุตสาหกรรม
“ปัจจุบัน APCON มีรายได้หลักจากการออกแบบ และก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และบริหารโรงไฟฟ้าชีวมวลประมาณ 4-5 แห่ง ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 9.9-10 เมกะวัตต์ต่อโครงการ โดยมีมูลค่าการประมูลเฉลี่ย 1,000-1,200 ล้านบาทต่อโครงการ ไม่รวมถึงการจัดหาพลังงานเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น ถุงมือยาง และอื่นๆ ซึ่งคาดว่าพลังงานเชื้อเพลิงที่จะใช้ไม่น่าจะต่ำกว่า 30,000 ตัน/ปี ดังนั้น เพื่อรองรับความต้องการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ การซื้อพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวลจาก NRE ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในปีนี้จึงคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท”
นอกจากนี้ ความต้องการพลังงานสะอาดในปัจจุบันมีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดด โดยเฉพาะในกลุ่มยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งให้การสนับสนุนให้ภาคเอกชนลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยรัฐบาลจะรับซื้อในอัตราพิเศษ เช่น โครงการ Feed-in-Tariff (FIT) ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า อุตสาหกรรมก่อสร้าง ออกแบบ ติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคของการเจริญเติบโต เช่นเดียวกับอดีตในประเทศยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตต่างๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว
ด้าน นายภัชริ นิจสิริภัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท นอร์ทเทิร์น รีนิวเอเบิ้ล เอเนอร์จี้ จำกัด หรือ NRE ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงจากชีวมวล เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับความไว้วางใจจาก APCON ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของนอร์ทเทิร์นฯ เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า และการผลิตถุงมือยางในโรงงานอุตสาหกรรมโดยจัดเป็นเชื้อเพลิงอัดแท่งที่มีทั้งถ่านอัดแท่ง (Briquette Charcoal) ไม้อัดแท่ง (Wood Pellet) และไม้สับ (Wood Chip) รวมมูลค่าประมาณกว่า 100 ล้านบาท
ปัจจุบัน นอร์ทเทิร์น ได้ดำเนินการผลิตถ่านอัดแท่งชีวมวล Bio-Charcoal ประมาณ 200 ตัน/เดือน เชื้อเพลิงอัดแท่ง 2,000 ตัน/เดือน และไม้สับอีกประมาณ 3,000 ตัน/เดือน รวมประมาณ 5,000 ตัน/เดือน เป็นพลังงงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษเป็นพิษที่เกิดจากการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และมีโครงการสร้างโรงผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่ง และโครงการแปรรูปชีวมวลเพิ่มเติม ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีกำหนดการเปิดทำการได้ภายในต้นปี 2559 อีกทั้งการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯ เพราะจะช่วยให้ขยายตลาดสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้ง่ายขึ้น
บริษัท นอร์ทเทิร์น รีนิวเอเบิ้ล เอเนอร์จี้ จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงจากชีวมวล ได้แก่ ถ่านอัดแท่ง (Briquette Char-Coal) เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) และไม้สับ (Wood Chip) ให้เป็นพลังงานทดแทน เพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ บริษัทฯ มีนโยบายหลักในการเป็นผู้นำในการผลิตพลังงานจากชีวมวล และบริหารจัดการพลังงานทางเลือก เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานที่มีสารพิษ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศสูญเสียเงินตราจากการนำเข้าเชื้อเพลิง
สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นตามออเดอร์ และส่งออกเป็นส่วนใหญ่ สำหรับในปีนี้บริษัทวางแผนที่จะขยายตลาดในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น เช่น ในส่วนของ Modern Trade/Department Store โดยปัจจุบันสินค้าในกลุ่มถ่านอัดแท่ง (Briquette Char-Coal) เริ่มเข้าไปถ่านอัดแท่ง (Briquette Char-Coal) วางจำหน่ายที่ Villa Market และจัดส่งให้กลุ่มร้านอาหารประเภทปิ้ง ย่าง ทั้งไทย เกาหลี และญี่ปุ่น เช่น ไดโดม่อน
