ทิสโก้ต้้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 0-5% ระบุเช่าซื้อรถหวังได้แค่ทรงตัวตามยอดขายรถ หันเร่งโกยรายได้ค่าฟี บริหารต้นทุน ตั้งเป้าลดเอ็นพีแอลให้ต่ำกว่า 3% พร้อมพัฒนาระบบไอทีรับดิจิตอลแบงก์ในอีก 3 ปีข้างหน้า
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า แผนงานของกลุ่มในปีนี้คงจะเน้นรักษาระดับการเติบโตของสินเชื่อให้อยู่ในระดับเดิม หรือเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยประมาณ 0-5% เนื่องจากภาวะโดยรวมยังไม่เอื้อให้สินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งเป็นกลุ่มขยายตัวได้ไม่มากนัก หลังจากที่ในช่วงปี 2555-2556 ยอดสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้นสูงมากจากโครงการรถคันแรก ขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอีก็ยังไม่น่าจะขยายตัวได้มาก และสินเชื่อรายใหญ่ก็ต้องรอโครงการลงทุนของภาครัฐเข้ามา
นอกจากนี้ ก็จะหันไปเน้นธุรกิจกลุ่มลูกค้าบุคคลธนกิจ รวมถึงการหารายได้ค่าธรรมเนียมทั้งในส่วนของกองทุน และแบงก์แอชชัวรันช์ ขณะที่สินเชื่อรายย่อยก็จะรุกในกลุ่มของสมหวัง เงินสั่งได้ที่จะเข้าถึงกลุ่มรายย่อยมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาโครงสร้างธุรกิจเพื่อการรองรับการเติบโตในระยะยาว ได้แก่ การพัฒนาระบบเพื่อเข้าสู่การบริการแบบดิจิตอลแบงก์ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มพัฒนาระบบแล้ว และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือปี 2561
“ผลการดำเนินงานไม่ว่าจะเป็นด้านสินเชื่อ หรือกำไรในปีนี้คาดว่าจะทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อยจากปี 58 ที่มีกำไร 4.3 พันล้านบาท สิ่งที่ต้องติดตามก็คือ จะต้องเห็นโครงการลงทุนที่จะออกมาหรือไม่ เพราะถ้ามีออกมาความต้องการสินเชื่อก็จะตามมา”
นางอรนุช กล่าวอีกว่า ผลงานของปี 58 นับว่าดีแม้ว่าเราจะต้องมีภาระกันสำรองมากขึ้นจากกรณีของสหวิริยายูเค แต่ก็ยังสามารถรักษากำไรให้ทรงตัวอยู่ได้ ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่การแข่งขันด้านเงินฝากไม่มากนัก ทำให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ดีขึ้นอยู่ที่ 1.42% จาก 1.27% และอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 15.8%
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (TISCO) กล่าวว่า เป้าหมายของสินเชื่อของธนาคารในปีนี้คงจะมองไปในทางทรงตัวไว้ก่อน แต่ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้นจากยอดสินเชื่อเช่าซื้อที่เริ่มจะทรงตัวไม่ลดลงมากเท่าเดิมจากปีก่อนที่ลดลง 9.3% จากยอดสินเชื่อคงค้างรวมปี 58 ของธนาคารที่ 240,000 ล้านบาท เป็นสินเชื่อเช่าซื้อ 2 ใน 3 หรือประมาณ 170,000-180,000 ล้านบาท และคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่ในปีนี้ให้ได้ 70,000-80,000 ล้านบาท
“ช่วงโครงการรถคันแรกเราปล่อยกู้ไปมากดันพอร์ตขึ้นไปสูง ทำให้มียอดชำระหนี้คืนสูงกว่าสินเชื่อปล่อยใหม่ที่มีจำนวนไม่สูงเท่าเดิมเพราะยอดขายรถยังลดลง จากปี 55 ที่ยอดขายรถ 1.2 ล้านคัน ตอนนี้เหลือ 7-8 แสนคัน ทำให้สินเชื่อเช่าซื้อรถชะลอตัวลง แต่เชื่อว่าในปีนี้น่าจะทรงตัวๆ หรือลดลงก็ไม่มากเท่าเดิม เพราะเริ่มปรับตัวให้เข้าสู่ภาวะปกติมาระยะหนึ่งแล้ว คือ การลดลงของยอดขายรถผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่การฟื้นตัวอาจจะเป็นแบบตัวยูก็ต้องใช้เวลาอีกระยะ”
ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้ตั้งเป้าลดลงให้เกิด 3% จากปี 58 ที่ 3.2% เนื่องจากคุณภาพหนี้ของธนาคารดีขึ้น สินเชื่อใหม่ที่เข้ามาเสียน้อยลง ก็จะทำให้ธนาคารมีภาระกันสำรองน้อยลงด้วย โดยในปีก่อนธนาคารมีการตั้งสำรอง 5,300 ล้านบาท ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ ธนาคารประมาณการเศรษฐกิจเติบโตที่ระดับ 3-3.5% แม้จะไม่สูงนัก แต่ก็เป็นอัตราที่ดีกว่าในปีที่แล้ว โดยในครึ่งปีแรกอาจจะยังไม่ดีนัก แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าหลังจากโครงการลงทุนต่างๆ มีความชัดเจนขึ้น
