หุ้นเช้าแกว่งผันผวนในแดนลบทิศทางเดียวกับต่างประเทศ ขณะที่มีแรงเทขายหนักในกลุ่มแบงก์เจ้าหนี้ SSI กังวลต้องตั้งสำรองพิเศษใน Q3/58 และความสามารถในการชำระหนี้ของ SSI หลังปิดโรงงานถลุงเหล็กในยุโรป ขณะที่ ตลท. ขึ้นเครื่องหมายหลักทรัพย์ SSI เพื่อรอความชัดเจนข้อมูลสำคัญ
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 ก.ย.) ดัชนีภาคเช้าแกว่งผันผวนในแดนลบ โดยเมื่อเวลา 10.33 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,384.05 จุด ลดลง 6.27 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.45% มูลค่าการซื้อขาย 6,230.97 ล้านบาท โดยมีแรงขายในกลุ่มแบงก์ และพลังงาน
นักวิเคราะห์ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ร่วงเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) และราคาน้ำมันดิบก็ปรับลดลงด้วย หลังเฟดปรับลดคาดการณ์จีดีพีของสหรัฐฯ ในปีหน้า ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัว
นักวิเคราะห์ยังระบุด้วยว่า การที่หุ้นกลุ่มแบงก์ตัวใหญ่ปรับลงแรงในวันนี้โดยเฉพาะรายที่เป็นเจ้าหนี้ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) ต่างปรับตัวลดลงถ้วนหน้า เนื่องจากต้องมีการตั้งสำรองพิเศษใน Q3/58 จากที่ SSI ประกาศหยุดผลิตเหล็กจากโรงถลุงในอังกฤษชั่วคราวตามแผนปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน และฐานะการเงินของกลุ่มบริษัท แม้ว่าจะได้มีการตั้งสำรองไปบางส่วนแล้วก็ตาม
กรณีดังกล่าวทำให้กังวลว่า หาก SSI ไม่สามารถชำระหนี้ได้จะทำให้ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ต้องกันสำรองเพิ่ม 1.86 หมื่นล้านบาท ส่งผลกระทบต่อคาดการณ์กำไร TISCO ปี 58 มากที่สุดถึง 32% และกระทบคาดการณ์กำไร KTB และ SCB ปีนี้ 22% และ 13% ตามลำดับ
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์ SSI ในรอบเช้าวันที่ 21 ก.ย.58 เนื่องจากภายในวันนี้บริษัทฯ จะทำการเปิดเผยสารสนเทศสำคัญซึ่งอาจมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทฯ รวมถึงการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทฯ โดยผู้ถือหุ้น และนักลงทุนทั่วไป
บริษัทฯ จึงมีความประสงค์จะขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระงับการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทฯ เป็นการชั่วคราวในวันนี้เพื่อให้ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนทั่วไปได้รับทราบสารสนเทศสำคัญข้างต้นก่อนที่จะทำการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทฯ ต่อไป
ขณะที่นักลงทุนบางส่วนยังรอดูความชัดเจนของตลาดฯ หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคงจะเห็นความชัดเจนได้ในอีก 2-3 วัน โดยมองว่าหากดัชนีปรับลดลงมาบริเวณ 1,380 จุด ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะฟื่นตัวขึ้นได้จากความคาดหวังผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมให้แนวรับที่ 1,380 บวกลบ ส่วนแนวต้านที่ 1,400 และ 1,405 จุด