ในบทความที่แล้วได้มีการย้อนความหลังถึงปี 2015 เพื่อดูว่าที่ผ่านมาราคาทองคำต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ซึ่งถือเป็นอีก 1 ปีแห่งความผันผวน และต้องเผชิญต่อหลายปัจจัยทั้งบวกและลบ
โดยเฉพาะประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED มาในปีนี้มาดูกันว่าราคาทองคำยังต้องเผชิญต่อปัจจัยอะไรบ้าง ปัจจัยบวสำคัญสำหรับราคาทองคำในปีนี้ยังอยุ่ที่ความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะภูมิภาคสำคัญ โดยเฉพาะจีนที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของโลกที่เผชิญต่อผลข้างเคียงจากการเติบโตอย่างไร้รากฐานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งการพึ่งพาการส่งออก การลงทุนจากภาครัฐฯ ที่ไร้ประสิทธิภาพ บวกกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนปกติที่ลำบากของธุรกิจขนาดกลางและเล็กจนทำให้ต้องไปพึ่งการลงทุนแบบพิเศษที่อิงกับอสังหาฯ ที่เริ่มเกิดภาวะฟองสบู่ ก็ต้องมาดูกันว่าทางการจีนจะมีมาตรการจัดการอย่างไร รวมถึงภูมิภาคยุโรปที่แม้มหากาพย์หนี้สินของกรีซจะจบลงไปแล้ว แต่ตราบใดที่วิกฤตยังไม่จบ
มาในปีนี้เราอาจได้เห็นเรื่องยาวของประเด็นนี้อีกครั้ง และจะเป็นการเจรจาที่ลำบากมากขึ้นหลังจากที่กรีซไม่ยอมรับมาตรการรัดเข็มขัดอีกต่อไปอีก ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือความขัดแย้งระหว่างประเทศที่จะมีมาเรื่อยๆ ตลอดทั้งปีซึ่งจะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนปัจจัยลบสำคัญยังคงอยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตของ FED หลังจากที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งแรกไปในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ซึ่งหากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง บวกกับเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงลดลงเราอาจได้เห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไป นอกจากนี้ ยังต้องติดตามภาวะราค้ำมันที่ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประชุม OPEC ในรอบถัดไปว่าจะสามารถกำหนดเพดานการผลิตได้หรือไม่
กมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ และผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด