เผยปัจจัยสำคัญกระทบ ศก.ไทย คือ ต่างประเทศ “คลัง” ปลอบนักลงทุนอย่ากังวลหากเกิดความผันผวน ยันเตรียมเครื่องมือไว้แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โบรกฯ ชี้หลังไตรมาส 1 สถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะดีขึ้น ขณะที่สัปดาห์หน้าความกังวล ศก.จีนน่าจะคลี่คลาย ส่วนตลาดหุ้นไทย แนะนักลงทุนระยะสั้นอาจชะลอลงทุน ขณะที่นักลงทุนระยะยาวเป็นโอกาสดีที่จะลงทุนเพราะหุ้นราคาถูกลง โดยเฉพาะในหุ้นให้ผลตอบแทนปันผลดี
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวถึงสถานการณ์ที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่้วโลกดิ่งลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมองว่ามีสาเหตุหลักมาจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และราคาน้ำมับดิบที่ลดต่ำลงต่อเนื่องเป็นจุดที่กดดัน รวมถึงค่าเงินหยวนจีนที่จีนลดค่าเงินลง และอ่อนค่าลงรวดเร็ว สร้างความผันผวนให้ตลาด มองว่าในระยะใกล้เศรษฐกิจยังไม่แข็งแรงมากนัก สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการปรับพอร์ตต้นปี
ส่วนการที่จีนลดค่าเงินหยวนก็เพื่อประโยชน์ในการแข่งขันการส่งออก โดยคาดจะอ่อนค่าลงไปถึง 6.7 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหลังไตรมาส 1 สถานการณ์ตลาดหุ้นน่าจะดีขึ้น โดยสัปดาห์หน้ายังเปราะบาง แต่ความกังวลเศรษฐกิจจีนน่าจะคลี่คลาย เหลือแต่ปัจจัยราคาน้ำมัน ส่วนตลาดหุ้นไทยจะเป็นฤดูเผยผลประกอบการ ตลาดก็จะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่ออกมาด้วย
สำหรับตลาดหุ้นจีนถือว่าค่อนข้างปั่นป่วนที่สุด ตลาดอื่นๆ ยังถือว่ามีเสถียรภาพ ส่วนของไทย หุ้นพลังงาน และสื่อสารลดลงค่อนข้างมาก แต่มีเหตุผลรองรับ เนื่องจากเป็นการปรับตัวสู่สมดุลใหม่ เพราะมีการปรับสู่โครงสร้างอุตสาหกรรมใหม่ เชื่อมาตรการหยุดการซื้อขายชั่วคราว (Circuit breaker) รับสถานการณ์ได้
ทั้งนี้ ไทยไม่ได้เป็นต้นเหตุ เป็นผลจากตลาดอื่นๆ คำแนะนำสำหรับนักลงทุนถ้ารับความผันผวนไม่ได้ให้ชะลอลงทุน แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาวถือเป็นจังหวะในการลงทุน เพราะหุ้นราคาถูก น่าลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ผลตอบแทนปันผลดี เช่น ธนาคาร เป็นต้น
ด้าน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงของไทยในขณะนี้ คือ ผลกระทบจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจีน ตะวันออกกลาง หรือสหรัฐฯ ที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจโลกมีปัญหาจึงกระทบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ด้วย ส่วนกรณีเศรษฐกิจจีนนั้นมองว่า หากจะส่งผลกระทบคือ ในเรื่องของภาคการส่งออก
“สิ่งสำคัญคือ เราจะต้องดูแลเศรษฐกิจภายใน ทั้งเรื่องการจับจ่าย และการลงทุน พยายามประคับประคองเศรษฐกิจ และดูแลประชาชนที่มีรายได้น้อยได้รับการดูแลเพราะหากภายในแข็งแกร่ง เมื่อต่างชาติมีปัญหาก็จะได้รับกระทบน้อย”
ส่วนที่กระทบตลาดเงินตลาดทุนในระยะสั้นนั้นมองว่าเป็นเรื่องปกติ ที่เวลามีปัญหาของประเทศใหญ่ก็จะมีแบบนี้เกิดขึ้น แต่ไม่อยากให้ตกใจ ส่วนมาตรการในการรองรับความผันผวนนั้นได้มีการเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้