โบรกฯ คาดการณ์ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของธนาคารกรุงไทย จะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่ประสบปัญหาหนี้เสียของ SSI ทำให้ผลประกอบการปรับลดลง ชี้แนวโน้มปีนี้จะกลับมาดีขึ้นหลังรัฐอัดฉีดโครงการขนาดใหญ่
นักวิเคราะห์จาก บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET กล่าวในบทวิเคราะห์การลงทุนภาพรวมของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ว่า หลังผลประกอบการถูกกระทบอย่างหนักจากหนี้เสียของ SSI ซึ่งคาดว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 4 จะกลับสู่ระดับปกติ จากการคาดการณ์ที่ได้รับมาจากผู้บริหาร และน่าจะเป็นไปตามประมาณการทั้งปีที่ได้ประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้
ขณะที่ในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโต ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิกลับชะลอตัวลง เนื่องจากสินเชื่อของ KTB คาดจะขยายตัวแข็งแกร่ง 2.1% เปรียบเทียบระหว่างไตรมาสต่อไตรมาส จากมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของภาครัฐ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโต 2.5% เทียบจากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิจะชะลอตัวลงประมาณ -26% จากฐานที่สูงในไตรมาส 3 ปี 2558 และกำไรจากการลงทุน และประกันจะน้อยลงในไตรมาสนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดจะเพิ่มขึ้น 5% ดังนั้น กำไรก่อนการตั้งสำรองคาดจะลดลง 14% เทียบไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังคงขยายตัวจากปีที่แล้ว 25% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ในส่วนของค่าใช่จ่ายด้านบัตรเครดิตยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าก่อนหน้านี้ คาดว่าหนี้เสียจากสินเชื่อเพื่อ SMEs และเพื่อที่อยู่อาศัยจะยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง NPLs ratio คาดจะทรงตัวจากไตรมาสที่แล้วตามการขยายตัวของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ระดับการตั้งสำรองจะยังคงสูงแม้ว่าจะลดลงจากไตรมาสที่แล้วถึง 26% เนื่องจากธนาคารพยายามที่จะเพิ่มระดับความสามารถในการชำระหนี้ให้กลับมาอยู่ในระดับ 130% จากเดิมอยู่ที่ 106% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยรวมเราคาดกำไรสุทธิจะเติบโต 1.4%
ทั้งนี้ ประมาณการว่ามาตรการของภาครัฐจะสนับสนุนการเติบโตในปีนี้ ผู้บริหารยังไม่ได้มีการพูดถึงเป้าในปี 2559 แต่จากคาดการณ์เบื้องต้น ผู้บริหารคาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวเท่าระดับ GDP เช่นเดียวกับที่ผู้บริหารของ BBL ได้กล่าวไว้ ซึ่งเรายังคงมีมุมมองเช่นเดิมว่าเป้านี้ดูจะอนุรักษนิยมมากเกินไป โดยนอกไปจากนั้น KTB จะเป็นผู้ปล่อยกู้ให้โครงการของภาครัฐมากมาย
ดังนั้น สินเชื่อของ KTB มีโอกาสเติบโตอีกสูง ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ของภาครัฐในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ถ้าปราศจากโครงการนี้สินเชื่อน่าจะเติบโตต่ำกว่าเป้าทั้งปี ซึ่งเราเชื่อว่าจะมีโครงการต่างๆ ตามมาอีกมากในปี 2558 จะยังคงคำแนะนำซื้อในราคาเป้าหมายที่ 19.3 บาท อ้างอิง 1.01x 2016F P/BV บน ROE ที่ 11.9%