xs
xsm
sm
md
lg

APM เปิดแผนธุรกิจในปี 59 เตรียมรุกขยายฐานในอาเซียน พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

APM เปิดแผนธุรกิจในปี 59 เตรียมจัดตั้ง บริษัท APM International ที่สิงคโปร์ เพื่อขยายฐานสู่ระดับอาเซียน และเอเชีย หลังเดินหน้ากระจายบริการทางการเงินที่หลากหลายในลาว เพื่อเป็นโมเดลในการก้าวต่อไปในกลุ่ม CLMV โดยเฉพาะกัมพูชา และเวียดนาม พร้อมปรับโครงสร้างบริหารรองรับการเติบโตในอนาคต

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เปิดแผนธุรกิจในปี 59 เตรียมจัดตั้ง บริษัท APM International ที่สิงคโปร์ เพื่อขยายฐานสู่ระดับอาเซียน และเอเชีย โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 2/59 โดยเบื้องต้นจะมีทุนจดทะเบียนราว 1.25 แสนเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นตัวผลักดันการเติบโต และการต่อยอดธุรกิจด้าที่ปรึกษาทางการเงินในระดับภูมิภาค เพิ่มช่องทางในการดำเนินธุรกิจให้มีความหลากหลายครบวงจร โดยเฉพาะงานด้านที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และผลักดันการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แบบ Dual Listing อาทิ การซื้อขายคู่กันไปทั้งตลาดหลักทรัพย์ลาว และตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หลังจากมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเต็มรูปแบบ

“การตั้ง APM International จะขยายฐานลูกค้า และนักลงทุน รวมทั้งเครื่องมือทางการเงินให้มีความหลากหลายครบวงจรไปยังกลุ่มอาเซียน และในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จจากการตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เอพีเอ็ม ลาว จำกัด ซึ่งจะทำให้เราก้าวสู่ความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมา เราได้มองเห็นถึงโอกาสมากมายในธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินที่ยังมีแนวโน้มที่ดี แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่เชื่อว่าปีนี้จะกลับมาดี และมีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งความต้องการคำแนะนำ และการวางแผนโครงสร้างธุรกิจ และการเงินเพื่อปรับตัว และรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตยังมีอีกมาก”

ทั้งนี้ การจัดตั้ง บริษัท APM International จะช่วยรองรับการขยายธุรกิจการที่ปรึกษาทางการเงินในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง โดยเฉพาะ เวียดนาม กัมพูชา และพม่า ในขณะเดียวกัน ยังมีโอกาสที่จะขยายไปยังประเทศ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากในปี 58 ที่ผ่านมา APM ได้นำบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย และลาวไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนที่สิงคโปร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้จัดการกองทุน และนักลงทุนเป็นอย่างดี

ดังนั้น บริษัทจึงมีการปรับโครงสร้างผู้บริหาร เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยแต่งตั้ง นายเสกสรร ธโนปจัย และนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) เพื่อดูแลบริการต่างๆ ในประเทศไทย ขณะที่คณะกรรมการบริษัทมีมติแต่งตั้งให้นายสมภพ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ เพื่อดูแลนโยบาย และงานในภาพรวมขององค์กรอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ

สำหรับแผนการดำเนินงานของ บริษัทหลักทรัพย์ เอพีเอ็ม ลาว จำกัด ตั้งเป้าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว (LSX) รวม 15 บริษัทภายในปี 63 จากปัจจุบันนำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนแล้ว 2 บริษัท และในปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม และข้อมูลให้ลูกค้าเพื่อเข้าจดทะเบียนเพิ่มอีก 2-3 ราย ได้แก่ บริษัท สิทธิ โลจิติกส์ จำกัด ประกอบธุรกิจขนส่ง และบริษัท ร่วมพัฒนากสิกรรม จำกัดผู้เดียว ที่ประกอบธุรกิจฟาร์มหมู เป็นต้น

พร้อมกันนั้น บริษัทยังมีแผนจะเปิดธุรกิจลิสซิ่ง ภายใต้ บริษัท เอพีเอ็ม ลีสซิ่ง จำกัด คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในไตรมาส 2/59 เพื่อให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ทั้งเก่าและใหม่ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนั้นยังศึกษาโอกาสในการทำธุรกิจประกันภัย น่าจะมีข้อสรุปในช่วงปลายปี 59 ถึงต้นปี 60 เพื่อต่อยอดธุรกิจในลาว

“ตอนนี้ โมเดลธุรกิจในลาวจะเป็นต้นแบบของการดำเนินธุรกิจของ APM ไปยังกลุ่ม CLMV โดยเห็นว่าประเทศกัมพูชา และเวียดนามมีความน่าสนใจที่จะเข้าไปขยายธุรกิจได้ ขณะที่ประเทศเมียนมายังมีความจำเป็นต้องศึกษากฎเกณฑ์หลายอย่าง โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 59 นี้”

นายสมภพ ยังกล่าวถึงธุรกิจในไทยว่า บริษัทตั้งเป้าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มอีก 35 บริษัทภายในปี 63 จากในช่วงที่ผ่านมาผลักดันเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว 25 บริษัท โดยในปีนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนอีก 8 บริษัท แบ่งเป็นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) อีก 1-2 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) อีก 5-6 บริษัท ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจ มีโอกาสเติบโต และมีศักยภาพ เช่น ธุรกิจกาวอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เครื่องมือแพทย์ ผู้ประกอบการเอาต์เล็ตขนาดใหญ่ และธุรกิจวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น

ขณะนี้ APM ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว 2 บริษัท คือ บมจ.เจตาแบค (GTB) คาดจะเข้าซื้อขายได้ราวปลายเดือน ก.พ.ถึงต้นเดือน มี.ค. และ บมจ.บางกอกชีทเม็ททัล (BM) คาดเข้าเทรดปลายเดือน มี.ค.-ต้นเดือน เม.ย. ส่วนที่เหลือจะทยอยยื่นไฟลิ่ง และคาดว่าส่วนใหญ่จะเข้าเทรดได้ทันในช่วงครึ่งปีแรก

นายสมภพ ยอมรับว่า ในปีนี้ แนวโน้มผลตอบแทนของหุ้น IPO จะปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในประเทศ และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้นักลงทุนที่เข้ามาเน้นการลงทุนแบบระยะสั้น และมีการหมุนรอบที่เร็วขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมผลตอบแทนของหุ้น IPO ไม่โดดเด่น ทางบริษัทฯ จึงกลยุทธที่จะเพิ่มส่วนลดราคาเสนอขายหุ้น IPO เป็น 25-30% จากช่วงที่ผ่านมามักจะให้ส่วนลดไม่เกิน 25% ทั้งนี้ เพื่อดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น

“สำหรับในปี 59 นี้เราคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น IPO มีแนวโน้มที่จะลดลงจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอไป นักลงทุนจึงเข้ามาลงทุนแบบระยะสั้นซะมากกว่า ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีแผนที่จะเพิ่มส่วนลดหุ้น IPO ให้แก่นักลงทุน เพื่อที่จะดึงดูดความสนใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้น IPO ทุกๆ ระยะเวลา แม้ภาวะตลาดหุ้นในบางครั้งอาจจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม”

นายสมภพ กล่าวอีกว่า บริษัทยังตั้งเป้าหมายว่าในปี 63 ผลประกอบการในภาพรวมจะทำรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท จากปี 58 มีรายได้ราว 200 ล้านบาท โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจลิสซิ่งไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท และที่เหลือจะมาจากงานด้านที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งธุรกิจในต่างประเทศจะทำสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 25% นอกจากนั้น บริษัทมีแผนจะนำ APM GROUP จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใด
แอสเซท โปรฯ ปรับองค์กรรุกธุรกิจที่ปรึกษาฯ ในสิงคโปร์
แอสเซท โปรฯ ปรับองค์กรรุกธุรกิจที่ปรึกษาฯ ในสิงคโปร์
“แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์” ประกาศปรับองค์กรรองรับแผนขยายธุรกิจปี 59 ทุ่มทุน 10-20 ล้านบาท ตั้ง “APM International” ที่สิงคโปร์รับการเติบโตของอุตสาหกรรม และแผนขยายฐานลูกค้าในอาเซียน เล็งตั้ง “บ.เอพีเอ็ม ลิสซิ่ง” ใน สปป.ลาว พร้อมศึกษาโอกาสการทำธุรกิจประกัน หวังให้บริการธุรกิจการเงิน-การลงทุนครบวงจรก่อนขยายเข้ากัมพูชา-เวียดนามในลำดับต่อไป ที่ประชุมบอร์ดฯ ลงมติดัน “เสกสรร ธโนปจัย” และ “สมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร” แท่น “ซีอีโอ” ดูแลธุรกิจในไทยแทน “สมภพ ศักดิ์พนมพันธ์” ที่ขึ้นนั่งตำแหน่งประธานกรรมการฯ เน้นคุมนโยบายรุกสู่สิงคโปร์ วางเป้าปี 63 ปรับสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศเพิ่มเป็น 75% ส่วนในประเทศลดลงเหลือ 25% รายได้รวมทั้งกลุ่มดีดแตะ 1 พันล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น