บริษัทรับสร้างบ้านและภาคธุรกิจอสังหาฯ หนุนแนวทางรัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง ในการดึงผู้เลี่ยงภาษีเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง แม้จะเป็นการให้โบนัสผู้ทำผิด! หวังรัฐทำอย่างจริงจัง ห่วงค่าใช้จ่ายบางประเภท เงินใต้โต๊ะ บุ๊กยาก!
พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการลดอัตราภาษีและยกเว้นภาษี ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.59 ที่ผ่านมา ด้วยการกำหนดให้บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในรอบบัญชีก่อนสิ้นปี 58 มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท จะได้รับยกเว้นการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง โดยจะเปิดให้จดแจ้งต่อกรมสรรกาพร ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.-15 มี.ค.59 เพื่อได้รับสิทธิดังกล่าว และเป็นการดึงบริษัทที่กระทำผิดเข้าระบบนั้น
ในมุมของบริษัทเอกชน โดย นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานบริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอร์ เรชั่น จำกัด ผู้นำในธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีสาขาทั่วประเทศ เปิดเผยว่า เรื่องการเข้มงวด และตรวจสอบการชำระภาษี และเอาผิดธุรกิจ และผู้ประกอบการธุรกิจที่หลีกเลี่ยงไม่ชำระภาษี มีการพูดกันมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนดำเนินการอย่างจริงจัง ดังนั้น หากมีการออกมาตรการดังกล่าวจริงก็จะช่วยให้เกิดผลดีต่อระบบการจัดเก็บภาษีของประเทศ แต่อยากให้มีการดำเนินการอย่างจริงจังเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผู้ประกอบการที่ไม่เข้าระบบมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในการทำธุรกิจมากกว่าบริษัทที่อยู่ในระบบมาโดยตลอด จึงฝากถึงรัฐบาลว่า มาตรการดังกล่าวจะมีการดำเนินการอย่างจริงจัง และเกิดขึ้นได้เมื่อใด อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวหากมองในมุมของผู้ที่อยู่ในระบบมาโดยตลอด เห็นว่ามาตรการนี้ถือเป็นการให้โบนัสแก่ผู้กระทำผิด ขณะที่ผู้ที่เข้าระบบ และทำถูกต้องมาโดยตลอดนั้นกลับไม่ได้ผลตอบแทนใดเลย
“สำหรับกลุ่มธุรกิจที่เลี่ยงภาษีนั้นมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่เคยเสียภาษีเลย และกลุ่มที่มี 2 บัญชี ซึ่งกลุ่มที่ 2 นั้นเป็นกลุ่มที่แสดงบัญชีรายได้ติดลบ หรือมีกำไรน้อย หากรัฐบาลดำเนินมาตรการดังกล่าวจะมีวิธีอย่างไรดึงให้กลุ่มที่ 2 กลับเข้ามาอยู่ในระบบแบบเต็มตัว ทั้งนี้ เชื่อว่าหากมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นได้จริง จะช่วยให้ผู้ประกอบการที่เสียภาษีอยู่ในระบบอย่างถูกต้อง สามารถแข่งขั้นได้มากขึ้น และมีความเป็นธรรมในการแข่งขันมากขึ้น”
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง แต่จะส่งผลดีต่อทุกๆ ธุรกิจ และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่งเป็นเจตนาที่ดีของรัฐบาลที่ต้องการให้ธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลาง (เอสเอ็มอี) ที่มีการเลี่ยงภาษีกลับเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องใช้วิธีการเข้มงวดในด้านการตรวจสอบ ซึ่งอาจะจะส่งผลเสียทำให้บางธุรกิจ หรือบางบริษัท ที่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวชิงหนีเตลิดไปมากกว่าจะกลับเข้าระบบ
“ผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ นั้นคงเกิดน้อยมาก เพราะที่ผ่านมา มีการตรวจสอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้มงวดมาโดยตลอด ทำให้มีน้อยรายมากที่มีการเลี่ยงภาษี หากจะมีก็คงเป็นบริษัทขนาดเล็ก หรือ SME มากกว่า ส่วนกลุ่มบริษัทที่มี 2 บัญชีนั้น อาจจะมีบางส่วนที่จะเข้ามาในระบบจากมาตรการดังกล่าว แต่คงไม่กลับเข้ามาทั้ง 100%”
ด้านนายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัทกานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด อดีตนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า หากมีมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้น เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจแน่นอน ส่วนผลกระทบ หรือผลเสียนั้นยังมองไม่เห็น ทั้งนี้ ข้อดีที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นคือ การกลับเข้าระบบของบริษัทต่างๆ ในหลายๆธุรกิจ และยังเป็นการขยายฐานการจัดเก็บภาษีของภาครัฐให้กว้างขึ้นกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นการลดข้อวิตกกังวลของผู้ประกอบธุรกิจ หรือบริษัทที่เลี่ยงการชำระภาษีมาโดยตลอด ทำให้กล้าที่จะกลับเข้ามาเสียภาษีอย่างถูกต้อง
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหาคือ รายจ่ายบางอย่างไม่สามารถบุ๊กลงบัญชีได้ เช่น ค่าติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเงินใต้โต๊ะจะบุ๊กลงบัญชีไหน ดังนั้น หากยังมีเรื่องของการติดสินบนก็จะยังทำให้บริษัท หรือธุรกิจต่างๆ มี 2 บัญชีอยู่ดี