xs
xsm
sm
md
lg

J TRUST ตอกย้ำลงทุนใน “กรุ๊ปลีส” ระยะยาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


J TRUST กลุ่มการเงินชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ประกาศเจตนารมณ์ลงทุนในหุ้น “กรุ๊ปลีส” หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในฐานะเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ ผนึกกำลังร่วมกันรุกตลาดเช่าซื้อ และกิจการการเงินรูปแบบอื่นในประเทศอินโดนีเซีย และตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน

บริษัท J TRUST ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ได้ออกแถลงการณ์วันนี้ (28 ธันวาคม 2558) โดยชี้แจงว่า ความร่วมมือกับ GL จะสามารถเอื้อประโยชน์ให้แก่ทั้งสองฝ่าย เนื่องจาก J TRUST สามารถขยายธุรกิจการเงินการธนาคาร และขณะเดียวกัน ยังสามารถสนับสนุนให้ GL พัฒนาธุรกิจเช่าซื้อ และธุรกิจการเงินด้านอื่นๆ ในตลาดกลุ่มประเทศอาเซียนที่กำลังมีการเติบโตเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ บริษัท J TRUST ออกแถลงการณ์ดังกล่าว หลังจากที่บริษัทในเครือที่ประเทศสิงคโปร์ J TRUST ASIA PTE. LTD., ซึ่งซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพของ GL มูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจแปลงสภาพหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญของ GL จำนวน 98.1 ล้านหุ้น โดยหลังจากการแปลงสภาพดังกล่าวจะทำให้กลุ่ม J TRUST ถือหุ้น 6.43% ของทุนจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นของ GL

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของ J TRUST ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากการแปลงสภาพดังกล่าวทำให้กลุ่ม J TRUST สามารถสนับสนุนการรุกตลาดเช่าซื้อ และธุรกิจการเงินด้านอื่นในประเทศอินโดนีเซีย และตลาดอื่นในกลุ่มประเทศอาเซียนควบคู่ไปกับ GL ในฐานะเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ และกลุ่ม J TRUST เองก็สามารถขยายธุรกิจทางด้านปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนธุรกิจเช่าซื้อของ GL
 
นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL กล่าวชี้แจงว่า แม้การแปลงสภาพหุ้นกู้ของกลุ่ม J TRUST ในครั้งนี้อาจทำให้เกิด Dilution จากจำนวนหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นแต่กำไรต่อหุ้นจะไม่ลดลง เนื่องจากธุรกิจใหม่ในประเทศอินโดนีเซียซึ่งได้รับความร่วมมือ และเกื้อหนุนจากกลุ่ม J TRUST จะสามารถสร้างผลกำไรมากยิ่งขึ้น และทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้นด้วย

ทั้งนี้ GL อยู่ในขั้นตอนของการจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนใหม่ในอินโดนีเซีย ซึ่งมีกลุ่ม J TRUST และกลุ่มทุนท้องถิ่นอีกแห่งหนึ่งเป็นผู้ร่วมทุนเพื่อทำธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าบริษัทฯ ร่วมทุนใหม่นี้จะสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในช่วงต้นปีหน้า

สำหรับการรุกสู่ตลาดในอินโดนีเซีย ถือเป็นก้าวย่างใหม่ที่สำคัญ หลังจาก GL ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในการขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว โดยผลกำไรจากการดำเนินงานในกัมพูชานั้นถือว่ามีนัยสำคัญอย่างมาก เนื่องจากได้แซงหน้าผลกำไรจากการประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยจากยอดกำไรสุทธิ 150.27 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ประมาณ 70 ล้านบาท เป็นผลกำไรจากกิจการในประเทศไทย และส่วนที่เหลือประมาณ 80 ล้านบาท เป็นผลกำไรจากธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการดำเนินงานในประเทศกัมพูชา

นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจงว่า GL กำลังรุกหน้าขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ไปสู่ตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า เวียดนาม) และอินโดนีเซีย เนื่องจากตลาดเหล่านี้มีศักยภาพการเติบโตสูงมาก ในขณะที่ GL ได้ปรับกลยุทธ์ในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพของสินทรัพย์แทนที่จะเร่งขยายธุรกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา

ดังนั้น GL จึงได้ให้ความสำคัญอย่างมากในการรุกสู่ตลาดที่ประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากเป็นประเทศใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยมีประชากรมากถึง 250 ล้านคน และมีผู้บริโภคใหม่จำนวนมากที่มีอำนาจการซื้อ และอยู่ในข่ายเป็นลูกค้าของ GL โดยคาดการณ์ว่าตลาดในอินโดนีเซียจะมีขนาดใหญ่กว่าในกัมพูชาถึง 10 เท่า


กำลังโหลดความคิดเห็น